การออกแบบการทำงานที่มีท่าทางฝืนธรรมชาติ
การทำงานที่ฝืนธรรมชาติซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการ คือ
1. ลักษณะงาน
2. ท่าทางในการทำงาน
3. ปริมาณงาน
การทำงานด้วยท่าทางที่ฝืนธรรมชาติหรือท่าทางของการทำงานที่ไม่ถูกต้อง งานที่ใช้กำลังงานที่มีปริมาณงานที่มากเกินไป
ย่อมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดการไม่สบายของร่างกาย เช่น เกิดการเมื่อยล้า เป็นต้น การออกแบบการทำงานที่ดีควรลดการทำงานที่ท่าทางฝืนธรรมชาติให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ถ้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ก็ต้องปรับเปลี่ยนปริมาณงานให้ลดลง
ถือว่าเป็นท่าทางของการทำงานที่ฝืนธรรมชาติเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการเอื้อมมือไปด้านหลัง หรือด้านบน วิธีการออกแบบการทำงานที่มีการเอื้อมให้วัดสัดส่วนของร่างกายเมื่อกวาดมือขึ้นลงในแนวตั้งจะเห็นได้ว่าเป็นเส้นโค้ง ระยะห่างที่เป็นเส้นโค้งนั้นคือระยะเอื้อม
การทำงานที่ต้องเอี้ยวหรือบิดลำตัว
การทำงานที่ต้องมีการเอี้ยวตัวหรือบิดลำตัว การทำงานแบบในลักษณะนี้ควรที่จะอยู่เฉพาะทางด้านหน้าของลำตัวเพื่อความสะดวก
การทำงานที่ต้องแหงนหน้าทำงานและยกแขนสูงกว่าระดับไหล่ ถือว่าเป็นการทำงานที่มีท่าทางฝืนธรรมชาติอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งลักษณะของการทำงานชนิดนี้อาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานได้
แต่ควรที่จะมีอุปกรณ์ช่วยให้ยืนได้ในท่าที่มั่นคง เช่น การยืนบนโต๊ะที่ปรับระดับความสูงได้แทนการใช้บันได เป็นต้น
การทำงานที่ต้องการความเที่ยงของมือและใช้สายตา การทำงานในลักษณะเหล่านี้ล้วนเป็นการทำงานที่ต้องการอุปกรณ์รองรับและช่วยประคองแขนและส่วนล่างของมือ
การทำงานที่ต้องการความเที่ยงของมือและใช้สายตา การทำงานในลักษณะเหล่านี้ล้วนเป็นการทำงานที่ต้องการอุปกรณ์รองรับและช่วยประคองแขนและส่วนล่างของมือ
เพื่อจะช่วยในการลดความล้าของกล้ามเนื้อเขนลง และต้องคำนึงถึงระดับความสูงของพื้นโต๊ะทำงานที่สัมพันธ์กับระดับศอก ความหนักเบาของ เช่น งานเจียระไนอัญมณี งานเชื่อมโลหะที่มีขนาดชิ้นเล็ก ๆ เป็นต้น
การเคลื่อนย้ายวัตถุหนักด้วยการผลักหรือดึง การทำงานในลักษณะนี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อการเกิดหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ปวดกล้ามเนื้อแขน ขา
การเคลื่อนย้ายวัตถุหนักด้วยการผลักหรือดึง การทำงานในลักษณะนี้อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อการเกิดหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ปวดกล้ามเนื้อแขน ขา
และเกิดการลื่นล้มในขณะที่ทำการผลักและดึง ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้นั้นมีหลายสาเหตุได้แก่ น้ำหนักของวัตถุที่มากเกินไป
ความขรุขระของพื้นผิว ความลาดเอียงของพื้น ตำแหน่งที่ดึงหรือดัน ลักษณะมือจับและตำแหน่ง
ถ้าในขณะที่ดึงหรือดันแล้วมีการบิดหรือเอียงลำตัวยิ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บมากชึ้น การดันแบบข้อศอกเหยียดตรงจะทำให้มีแรงกดที่ข้อต่อมากเกินไป
ถ้าในขณะที่ดึงหรือดันแล้วมีการบิดหรือเอียงลำตัวยิ่งก่อให้เกิดการบาดเจ็บมากชึ้น การดันแบบข้อศอกเหยียดตรงจะทำให้มีแรงกดที่ข้อต่อมากเกินไป
ทำให้ข้อศอกได้รับการบาดเจ็บ การเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยการผลักดีกว่าการดึง การออกแบบการทำงานเคลื่อนย้ายของหนักควรทำการปรับปรุงจากการใช้แรงคนมาเป็นการใช้อุปกรณ์ช่วย เช่น ใช้รถเข็นและมีพื้นผิวถนนที่เรียบ ถ้าพื้นผิวขรุขระก็ควรใช้ล้อยางที่มีเส้นผ่าศูนย์กลานที่ใหญ่ขึ้นกว่าปกติ เป็นต้น
การทำงานที่ใช้แรงบีบของมือ การทำงานในลักษณะที่ต้องมีการกางมือและบีบหรือการกางมือมากจนสุดอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ และเมื่อทำซ้ำ ๆ ก็จะยิ่งเกิดการบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น
การทำงานที่ใช้แรงบีบของมือ การทำงานในลักษณะที่ต้องมีการกางมือและบีบหรือการกางมือมากจนสุดอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ และเมื่อทำซ้ำ ๆ ก็จะยิ่งเกิดการบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นในการออกแบบการทำงานจะต้องคำนึงถึงความสามารถในการกางมือ การออกแรงบีบแล้วควรออกแบบมือจับด้วยเพื่อให้กระชับและไม่ลื่นหลุดจากมืออีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น