การออกแบบสภาพแวดล้อมในการทำงานการติดตั้ง (กล้องวงจรปิด)

การออกแบบสภาพแวดล้อมในการทำงานการติดตั้งกล้องวงจรปิด

ความร้อน  ฝุ่น  ละออง  และไอระเหย
สถานที่อาคารหรือบริเวณที่มีพนักงานทำงานอยู่อุณหภูมิไม่ควรสูงกว่า  45  องศาเซลเซียส   พร้อมทั้งวัดอุณหภูมิของร่างกายจะต้องไม่สูงกว่า  38  องศาเซลเซียส  

ซึ่งอุณหภูมิปกติของร่างกายนั้นจะอยู่ที่  37  องศาเซลเซียส   ในการออกแบบเริ่มต้นด้วยการให้แยกห่างจากคนทำงานมีการกั้นแผงกำบัง  และตามด้วยการออกแบบการทำงานด้วยวิธีต่าง  ๆ  ดังนี้

1. ระบบระบายอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ        ในบริเวณที่มีพนักงานทำงานอยู่และมีเครื่องจักรรวมทั้งอุปกรณ์ที่เป็นแหล่งทำให้เกิดความร้อนให้ทำการปรับปรุงบริเวณนั้นเพื่อไม่ให้พนักงานสัมผัสความร้อนดังกล่าว  หรือทำให้มีอุณหภูมิที่ต่ำลง    

ควรใช้ระบบระบายอากาศเป็นอันดับแรกด้วยการใช้วิธีธรรมชาติ  เช่น  ใช้พัดลมระบายความร้อนติดตั้งบริเวณหลังคาเพราะอากาศร้อนจะเบากว่าอากาศทั่วไปและลอยตัวสูงขึ้น

เมื่อความร้อนออกไป  อากาศเย็นก็จะไหลเข้ามาแทนที่   แต่ถ้าเป็นกรณีที่เป็นไประเหยของสารเคมีอันตราย หรือฝุ่น  ควรต้องออกแบบให้เป็นระบบปิด   

การใช้วิธีธรรมชาติอาจทำให้ไอระเหยอันตรายไหลออกสู่สาธารณะได้   และในกรณีที่ปรับปรุงไม่ได้ด้วยระบบระบายความร้อน  ต้องมีอุปกรณ์ป้องกันความร้อนต่าง  ๆ  

รวมทั้งวิธีการจัดการสัดส่วนของระยะเวลาทำงานพักร่วมด้วย  แต่ถ้าสภาพแวดล้อมในการทำงานนั้นทำให้อุณหภูมิในร่างกายของผู้ที่ทำงานเกิน  38  องศาเซลเซียส  ต้องจัดให้มีการหยุดพักการทำงานเป็นระยะหรือเวลาในการทำงานน้อยลง

2. ระบบดูดอากาศเฉพาะที่        การใช้ฝาชี  ปั๊ม  ท่อ  หรือพัดลมดูดอากาศ   ต้องมีการคำนวณทางวิศวกรรมเพื่อเลือกขนาดของปั๊มหรือมอเตอร์ของพัดลม 

มีการออกแบบขนาดของท่อและฝาชีครอบแหล่งกำเนิดไอระเหย  กลิ่น  ฝุ่น   อาจจะมีการออกแบบให้มีระบบอื่นร่วมด้วย   เพื่อให้การควบคุมมลพิษมีมีประสิทธิผลมากขึ้น  ได้แก่  การใช้ม่านน้ำ  

การใช้ไฟฟ้าสถิต  การดักกรองฝุ่นด้วยถุงดักฝุ่นและส่วนปลายทางอาจใช้ถ่านกัมถันต์ร่วมด้วยเพื่อใช้ในการดูดซับกลิ่น   

ในวิธีนี้ก็ยังมีจุดอ่อนถ้ามีการออกแบบไม่เหมาะสมพนักงานก็อาจยังคงได้รับอากาศเสียหรือไอระเหย  และอาจเกิดการแพร่กระจายได้ถ้าออกแบบระบบการดูดอากาศที่ไม่มีกำลังพอ   

เมื่อมีการเคลื่อนย้ายแหล่งกำเนิดไปยังที่อื่น  ก็ไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้อีกต่อไป   สำหรับระบบดูดอากาศเฉพาะที่ในการออกแบบระบบระบายอากาศนั้นสามารถใช้ระบบระบายอากาศแบบวิธีดัดอากาศเฉพาะที่และวิธีธรรมชาติร่วมกันได้

3. ระบบระบายอากาศด้วยวิธีผลักและดูดร่วมกัน       ต้องใช้ให้ถูกวิธี   โดยวิธีผลักใช้สำหรับผลักอากาศดีเข้ามา  ส่วนวิธีที่ดูดใช้สำหรับดูดอากาศที่ไม่ดีออกไป  

ขนาดของพัดลมที่ใช้ด้วยวิธีดึงควรมีกำลังเป็น 5 – 10 เท่าของขนาดของพัดลมที่ใช้ด้วยวิธีผลัก   หลักการก็คือ   การดูดอากาศเสียหรือความร้อนออกจากแหล่งกำเนิดแต่ต้องไม่ผ่านตัวพนักงานที่ทำงาน  และวิธีการเปิดหน้าต่างช่วยนั้นเป็นวิธีธรรมชาติเหมาะกับการระบายความร้อน 

ในปัจจุบันกฎหมายไม่อนุญาตให้โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษออกสู่สาธารณะ   การใช้ระบบปิดจึงเป็นเรื่องสำคัญในการออกแบบสำหรับสถานที่ทำงานที่มีไอระเหยของสารเคมีอันตราย

เป็นวิธีการใช้พัดลมระบายความร้อนที่ไม่เหมาะสมเพราะภายในโรงงานมีฝุ่น   วิธีที่ถูกต้องก็คือไม่ให้อากาศร้อนหรืออากาศเสียผ่านตัวพนักงาน

4. การดูดฝุ่น       เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ลดมลพิษของอากาศในสถานที่ทำงาน   ซึ่งทั่วไปมักจะใช้เครื่องดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดบริเวณที่ทำงานที่มีฝุ่นหลังเลิกงาน

5. อุปกรณ์เสริมอื่น   ๆ     เพื่อทำหน้าที่เป็นทางระบายอากาศในขณะที่สามารถใช้ช่วยในการกรองแสงจากภายนอก   และแผ่นกั้นหรือม่านพลาสติกช่วยลดพื้นที่ในการควบคุมอากาศเสียให้น้อยลง  

ซึ่งใช้ในบริเวณทีต้องมีการปิด – เปิดประตูเป็นประจำ  และไม่ต้องการให้อากาศภายในอาคารไหลออกมาสู่ภายนอก

6. ระบบทำความเย็นอีแวป        ระบบปิดที่ใช้สำหรับอาคารปิดที่มีลักษณะยาว  ใช้การระเหยของน้ำช่วยในการทำความเย็น  

มีหลักการคือจัดให้มีกระแสลมไหลเข้าทางเดียวและไหลผ่านแผ่นทำความเย็นที่มีน้ำไหลผ่าน  ซึ่งตำแหน่งที่ตั้งของแผ่นทำความเย็นนี้จะอยู่ริมสุดข้างหนึ่งของอาคาร  

ทำให้ลมที่พัดผ่านแผ่นทำความเย็นจะมีอุณหภูมิต่ำลง  ดังนั้นอากาศเย็นจะเคลื่อนที่จากริมอาคารด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งของอาคาร

ซึ่งระบบนี้ใช้ได้ดีในอาคารที่มีความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศต้องต่ำกว่าความชื้นสัมพัทธ์ของน้ำ  แต่ไม่เหมาะกับอาคารที่ตั้งในบริเวณที่มีความชื้นสูง  ฝนตกบ่อย  และสามารถทำให้คนทำงานในอาคารนี้เป็นโรคทางเดินหายใจได้

สินค้าแนะนำระบบรักษาความปลอดภัย  : กล้องวงจรปิด   รั้วไฟฟ้า   สัญญาณกันขโมย