ประเภทของภัยคุกคาม
สิ่งที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายของข้อมูลคือภัยคุกคามซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นถ้ามีการป้องกันที่ดีหรือมีการเตรียมการที่ดีเมื่อมีเหตุการณ์ก็จะช่วยลดความเสียหายได้ คือ การติดกล้องวงจรปิด การกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายเราเรียกว่า การโจมตีผู้ที่เป็นเหตุและทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นเราเรียกว่า ผู้โจมตี หรือบางที่ก็เรียกว่า แฮคเกอร์ เทคโนโลยีเครือข่ายทำให้ชีวิตเราสะดวกขึ้นแต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่มากถ้าไม่มีการควบคุมหรือป้องกันที่ดี
การโจมตีหรือการบุกรุกเครือข่าย คือ ความพยายามที่เข้าใช้ระบบ การแก้ไขข้อมูลหรือการทำให้ระบบไม่สามารถใช้งานได้ และทำให้ข้อมูลเป็นเท็จ เราสามารถแบ่งภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลได้ 3 ประเภทคือ
- การเปิดเผย การเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือข้อมูลนั้นถูกเปิดเผยให้กับผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นการโจมตีข้อมูลด้านความลับ
- การแก้ไข เป็นการแก้ไขข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นการโจมตีคุณสมบัติข้อมูลด้านความถูกต้อง
- การปฏิเสธการให้บริการ เป็นการขัดขวาง หน่วงเวลา หรือทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นการโจมตีคุณสมบัติด้านความพร้อมใช้งานของข้อมูล
ภัยคุกคามประเภทต่าง ๆ จะครอบคลุมภัยทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากมีความหลากหลายของภัยคุกคาม ดังนั้น การทำความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยกับภัยประเภทต่าง ๆ จะทำให้เข้าใจระบบการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น
ผู้ดูแลระบบจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับรูปแบบใหม่ ๆ ของการโจมตี ผู้โจมตีก็จะพยายามเรียนรู้รูปแบบที่หลากหลายในการโจมตี และรูปแบบของการโจมตีที่เรามักได้ยินเป็นประจำก็คือ
การสอดแนม
การแอบดูข้อมูลซึ่งจัดอยู่ในประเภทการเปิดเผย การสอดเเนมเป็นการโจมตีแบบพาสชีฟเป็นการกระทำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือการแก้ไขข้อมูล เช่น การดักอ่านข้อมูลในระหว่างที่ส่งผ่านเครือข่าย การอ่านไฟล์ที่จัดเก็บในระบบ การแท็ปสายข้อมูล เป็นต้น
การแก้ไขข้อมูล
การแก้ไขเนื้อหาของข้อมูลโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฝ่ายรับข้อมูลอาจไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นถูกต้องหรือเหมือนกับที่ผู้ส่งได้ส่งให้หรือไม่ ถ้าการโจมตีแบบผ่านคนกลาง
การสอดแนม
การแอบดูข้อมูลซึ่งจัดอยู่ในประเภทการเปิดเผย การสอดเเนมเป็นการโจมตีแบบพาสชีฟเป็นการกระทำที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือการแก้ไขข้อมูล เช่น การดักอ่านข้อมูลในระหว่างที่ส่งผ่านเครือข่าย การอ่านไฟล์ที่จัดเก็บในระบบ การแท็ปสายข้อมูล เป็นต้น
การแก้ไขข้อมูล
การแก้ไขเนื้อหาของข้อมูลโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฝ่ายรับข้อมูลอาจไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นถูกต้องหรือเหมือนกับที่ผู้ส่งได้ส่งให้หรือไม่ ถ้าการโจมตีแบบผ่านคนกลาง
ผู้โจมตีอ่านข้อมูลจากผู้ส่งแล้วแก้ไขก่อนที่จะส่งต่อไปให้ผู้รับ โดยคาดหวังว่าผู้รับและผู้ส่งไม่รู้ว่ามีบุคคลที่สามที่อยู่ตรงกลางเข้ามาเกี่ยวข้อง การรักษาความถูกต้องเป็นวิธีที่ใช้ป้องกันการโจมตีแบบนี้ คือ การใช้การเข้ารหัสข้อมูลนั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น