ปัญหาสังคมมีผลต่อกล้องวงจรปิด
ชีวิตทางสังคม (Social life) นับตั้งแต่เกิดมามีชีวิตออยู่ในโลกนี้จะดำรงชีวิตอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาในสังคม
เพราะชีวิตจำเป็นต้องติดต่อเกี่ยวข้องกับคนและมีความสัมพันธ์กันทางสังคม มีการอบรมปลูกฝังและซึมซับกันทางความคิด ความเชื่อ
ค่านิยม ทัศนคติ และรวมถึงการปฏิบัติ โดยที่ยังไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และอะไรดีอะไรชั่ว ต้องค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้หาประสบการณ์ จากสภาพแวดล้อมสังคม เช่น
พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อน
สื่อต่าง ๆ จะทำให้สามารถเรียนรู้ คิดเป็น
ทำถูก และอยู่ในคุณธรรมความดี ดำเนินชีวติอยู่ในสังคมอย่างมีความสุขโดยปราศจากความทุกข์และปัญหาต่าง ๆ
ในสังคมชีวิตทุกชีวิตจะต้องดิ้นรนต่อสู้ เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยไร้ปัญหาต้องเป็นไปตามที่ต้องการของตน เจอกับปัญหาหนักบ้างเบาบ้าง แก้ไขได้บ้างไม่ได้บ้าง มีทั้งทุกข์และสุข ไม่มีใครไม่มีปัญหา ชีวิตราบเรียบ
ธรรมของคนเราเมื่อร่างกายหิวก็ต้องกินเพื่อดับความหิว ถ้าไม่ได้ดังต้องการก็จะกระวนกระวายเป็นปัญหา
และถ้าหากได้ตามต้องการก็จะมีความสุขไร้ปัญหา ชีวิตในสังคมก็เป็นอย่างนี้ คือ
มีความอยากความต้องการสิ่งนี้สิ่งนั้น
แล้วก็แสวงหาเพื่อตอบสนองความต้องการโดยทางที่ถูก
แต่บางคนก็แสวงหาโดยทางที่ผิดโดยการลักขโมย ฉ้อโกง
เอารัดเอาเปรียบ
ก่อปัญหาสร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมและคนรอบข้าง และสาเหตุที่ทำให้ชีวิตทางสังคมมีปัญหา ก็เพราะความกระหายอยากต้องการ โดยเฉพาะอยากในทางที่ผิดไม่ถูกต้องชอบธรรม ไม่คิดถึงสิ่งดีงามถูกต้อง
และความอยากของมนุษย์ที่ไม่สิ้นสุดเป็นแรงกำหนดชี้นำทางชีวิตทางสังคมให้ดีหรือเสื่อมเสียล้มเหลว
เพื่อให้เข้าใจในกระบวนการขับเคลื่อนของชีวิตทางสังคม ความต้องการมีอยู่ 2 ลักษณะ
คือความกระหายถูกกับผิด
หรือดีกับไม่ดี
ชีวิตทางสังคมที่เต็มไปด้วยปัญหาเพราะความต้องการเป็นปกติของร่างกายที่จะแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ
ทั้งหลายเมื่อมีอะไรมากระตุ้นหรือจูงใจขับเคลื่อนการกระทำเพื่อตนเองหรือความอยากของตนเอง แต่ถ้าไม่มีความต้องการเป็นแรงจูงใจก็จะหยุดเคลื่อนไหว มนุษย์ทั้งหลายพยายามแสวงหาความสุขและความพึงพอใจไร้ปัญหาก็จะทำต่อไป
แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าไม่พึงพอใจทุกข์ใจมีปัญหาก็จะพยายามปรับปรุงแก้ไขหลีกเลี่ยง ตามธรรมชาติมนุษย์พยายามที่จะหาสภาวะที่สมดุลอยู่เสมอ
ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ของชีวิตทางสังคม มนุษย์รู้จึงประยุกต์ใช้ความอยากในการกระทำ พยายามและเข้าใจด้วยปัญญา พยายามแก้ไขปรับปรุงแตกต่างไปจากสัตว์อื่น ๆ
ในเรื่องการเป็นอยู่ แสวงหา การเสพบริโภค
และการดำเนินชีวิต อันเป็นผลมาจากประสบการณ์ทางสังคม เพื่อให้ชีวิตทางสังคมเป็นอยู่เป็นระเบียบเรียบร้อยไร้ปัญหา จึงพอสรุปได้ว่ากระบวนการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ
ทั้งหลายมนุษย์ มีอยู่ 2 แบบ
คือ
1.
ไม่รู้ความจริง สิ่งเร้ากระตุ้น อยากผิด จูงใจทำผิด ชีวิตมีปัญหา
2.
รู้ความจริง สิ่งเร้ากระตุ้น อยากถูก จูงใจทำถูก ชีวิตไร้ปัญหา
การดำเนินชีวิตทางสังคมอันประเสริฐ
ต้องเริ่มต้นด้วยการขัดเกลาทางสังคมที่ถูกต้องเริ่มจากปัจจัยภายนอกทางสังคม อันได้แก่
พ่อแม่ ครูอาจารย์ เพื่อน
และสื่อทั้งหลาย ช่วยในการอบรมสั่งสอนปลูกฝังซึมซับในคุณงามความดี
ความคิดความเชื่อและทัศนคติค่านิยมและการปฏิบัติ ให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ช่วยคิดวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุผล
ตามสภาพความเป็นจริงของโลกทางสังคมและตามความสอดคล้องสัมพันธ์แห่งเหตุปัจจัย ทำให้มนุษย์ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง เกิดความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในชีวิตทางสังคม และเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ตนเองและผู้อื่น
หลักการปฏิบัติไปสู่การมีชีวิตทางสังคมที่ดีงามไร้ปัญหานั้นมีอยู่หลายเส้นทาง แต่ในที่นี้ควรประกอบไปด้วยเหตุปัจจัย 4 ประการ
คือ
1.
มีพฤติกรรมดี (ศีล
2.
มีจิตใจดี (สมาธิ)
3.
มีปัญญาดี (ปัญญา)
4.
มีอาชีพการงานสุจริต (สัมมาชีพ)
ในเรื่องของความต้องการของมนุษย์
มีความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อมีความต้องการก็พยายามแสวงหาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนเมื่อได้มาแล้วก็นำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ตนเองต้องการเพื่อความเป็นอยู่ของชีวิตทางสังคมอย่างเป็นสุขไร้ ปัญหา
ความสุขจึงเป็นเป้าหมายและคำตอบสุดท้ายที่มนุษย์ทุกคนต้องการ
และในเรื่องความต้องการของมนุษย์นี้ได้มีนักจิตวิทยาได้ศึกษาถึงความต้องการของมนุษย์ โดยเห็นว่ามนุษย์ทุกคนมีความต้องการมากมายเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง เขาได้เสนอความต้องการของมนุษย์เป็นขั้น ๆ ไว้ 7 ขั้น
คือ
1.
ความต้องการทางร่างกาย คือ
ความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์
คือ อาหาร น้ำ
อากาศ การขับถ่าย การนอนหลับพักผ่อน เป็นต้น
2.
ความต้องการความปลอดภัย
เป็นความต้องการความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตทางสังคม ทางด้านร่างกายและจิตใจ ความคุ้มครองปกป้องรักษา และรวมถึงต้องการมีสวัสดิภาพทางสังคม เพื่อการเป็นอยู่เป็นไปอย่างมั่นคงและปลอดภัย
3.
ความต้องการความรักและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
มนุษย์เป็นสัตว์สังคมมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นสังคม ต้องการความรักจากพ่อแม่ คนรอบข้าง
และต้องการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มและต้องการเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมพึงพาอาศัยซึ่งกันและกัน
4.
ความต้องการคุณค่าความหมายของชีวิต ความต้องการมีความรู้และความสามารถความมั่นใจ
เร่งพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีคุณค่าและความหมาย
ต้องการทำงานที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรีในสังคม การยกย่องนับถือจากผู้อื่น ต้องการประสบความสำเร็จในชีวติทางสังคม
ชีวิตที่ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าภาคภูมิใจ ชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าความหมาย จงเร่งเสาะแสวงหาสิ่งดีงามให้แก่ชีวิต
5.
ความต้องการรู้จักตนเอง ต้องการที่จะรู้และเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ
ตามสภาพความเป็นจริง
ต้องเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้แล้วพัฒนาตนเองเต็มที่ตามศักยภาพของตนเอง
ความต้องการด้านปัญญาเพื่อการปฏิบัติที่ถูกต้องและเพื่อความสัมพันธ์ทางสังคมอันดีงาม
เป็นความต้องการชั้นสูงที่มนุษย์พยายามค้นแสวงหาพัฒนา เป็นความรู้เข้าใจในกระบวนการเหตุผล เป็นผู้รู้เข้าใจความจริงของโลกทางสังคม
เป็นผู้ที่หนักแน่นไม่สะทกสะท้านในชีวิตทางสังคม เป็นผู้ยินดีพอใจสุขใจในชีวิตทางสังคม
6.
ความต้องการที่จะรู้และเข้าใจ
7.
ความต้องการทางสุนทรียภาพ
เด็กและเยาวชน
เด็กและเยาวชนเป็นทรัพยากรอันมีคุณค่าของสังคมประเทศชาติ และถือเป็นอนาคตของสังคมประเทศชาติ เด็กและเยาวชนจะดีได้นั้นขึ้นอยู่กับพ่อแม่หรือครอบครัวที่ดี ครอบครัวมีหน้าที่สำคัญในการสร้างสรรค์เด็กและเยาวชนให้เป็นคนที่ดีมีคุณธรรม ในสังคมปัจจุบันเด็กและเยาวชนต้องเผชิญปัญหามากมาย เพราะสังคมไทยไม่รู้ไม่เข้าใจคุณค่าความหมายการสร้างสรรค์พัฒนามนุษย์ให้มีคุณภาพชีวิต
มุ่งสร้างพัฒนาวัตถุมากกว่าสร้างพัฒนาคนให้มีคุณค่าความหมายและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม อันเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างพัฒนาสังคมประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าต่อไป
การสร้างพัฒนาเด็กและเยาวชน
การสร้างสรรค์และการพัฒนาให้เรียนรู้
คิดเป็น เป็นคนดีมีคุณธรรม อยู่ในสังคมอย่างมีความสุข การสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีคุณภาพชีวิตมีหลายวิธี ด้วยการศึกษาเรียนรู้พัฒนา ให้มีพฤติกรรมดีมีระเบียบวินัยและความมั่นคงทางร่างกายและจิตใจหรือให้มีความรู้และคุณธรรม มุ่งสร้างสรรค์พัฒนาให้เจริญเติบโตทั้งทางร่างกาย สติ
ปัญญา บุคลิกภาพ อารมณ์และสังคม เป็นที่ยอมรับต้องการของสังคมและเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
ปัญหาการสร้างพัฒนาเด็กและเยาวชนเราจะสร้างพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ มีบุคลิกภาพ
มีคุณภาพมีชีวิตที่ดีมีความสุข
เพราะมีเด็กและเยาวชนบางกลุ่มที่มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดี สติปัญญาดีเรียนเก่ง แต่มีบุคลิกภาพบกพร่องพฤติกรรมเสียหายไร้มนุษย์สัมพันธ์ เข้ากับใครไม่ได้ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม
แต่เด็กและเยาวชนบางกลุ่มสติปัญญาไม่ค่อยดีเรียนไม่เก่ง แต่มีพฤติกรรมดีและมนุษยสัมพันธ์ดี ใช้ชีวิตเข้ากับคนอื่นได้เป็นที่ยอมรับของสังคม จุดสำคัญของการพัฒนาพื้นฐานบุคลิกภาพ
คนเราสามารถคิดแสดงพฤติกรรมทั้งในทางบวกและลบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย การศึกษาเรียนรู้ สภาพแวดล้อม
ปัญหาการสร้างสรรค์พัฒนาเด็กและเยาวชนมีมากมาย พอสรุปได้
2
ประเด็นใหญ่ ๆ คือ
1.
ตัวมนุษย์เอง
2.
สิ่งแวดล้อม
สาเหตุของปัญหาเด็กและเยาวชน
ปัญหาพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนที่ไม่เหมาะสม ไม่รับผิดชอบ
ไม่เชื่อฟัง ก้าวร้าว เสพยาเสพติด
เป็นต้น
ส่วนมากมาจากการเลี้ยงดู อบรมพัฒนาผิดพลาด และสิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
- การเลี้ยงดูฝึกฝนอบรมพัฒนาผิดพลาด การสอนให้เข้าใจว่าอะไรดีหรือไม่ดี ควรและไม่ควร
รวมถึงรู้ว่าอันไหนมีโทษภัยอันตรายและอันไหนมีประโยชน์คุณค่าความหมายต่อชีวิตอย่างแท้จริง แล้วนำไปปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นในชีวิตได้อย่างถูกต้องเหมาะสมมีความสุขในสังคม แต่ถ้าหากไม่เข้าใจเลี้ยงดูสั่งสอนพัฒนาผิดพลาด
ก็จะทำให้มีปัญหาพฤติกรรมการกระทำเกิดขึ้นตามมา เป็นที่ทราบกันดีวัยเด็กเป็นวัยแห่งการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจรวมถึงโฮร์โมนบางอย่างเพิ่มมากขึ้น มีความรู้สึกกล้าบ้าบิ่นไม่กลัวตาย
ผู้ใหญ่ต้องเข้าใจคอยช่วยเหลือแนะนำอธิบายถึงความจริงอย่างมีเหตุผลและคุณค่าความหมายที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้น
อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่าไปตำหนิ
เพราะอาจจะเป็นการหยุดยั้งความคิดและความรู้สึกดี ๆ
ของเด็กและเยาวชนเหล่านั้น
ควรที่จะรู้และเข้าใจว่าทุกความคิดคือจุดเริ่มต้นของการสร้างและการทำ ควรจะเข้าใจและยอมรับฟังสนับสนุนส่งเสริมในทางที่ถูกต้องและดีงามต่อไป
- สิ่งแวดล้อมที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม
เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อแนวความคิดและการปฏิบัติ
เมื่อเด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมที่แย่และเสื่อมโทรมที่อยู่รอบ
ๆ ตัวทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตก็จะเกิดการเรียนรู้ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมเลียนแบบ
เด็กและเยาวชนต้องรู้จักปรับปรุงแก้ไขไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาพฤติกรรมเสียหายไม่ถูกต้องเหมาะสม
เพราะการคบหาคนเช่นไรก็จะเป็นคนเช่นนั้นอย่างแน่นอน
หลักการสอนเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดีของสังคม
หลักการอบรมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีความสามารถ คิดเป็น
แก้ปัญหาได้ ขยันอดทน มีเหตุผล
พึ่งพาตนเอง
และมีความสุขอยู่ในสังคม เพราะชีวิตในสังคมนั้นเต็มไปด้วยปัญหาต่าง ๆ
มากมายมีการได้มาและสูญเสียไป
ซึ่งบางครั้งยิ่งได้ยิ่งเสีย การให้การเสียสละเป็นการผูกมิตรไมตรีเป็นที่รวมแห่งมิตรภาพ
ในโลกนี้ไม่มีใครไม่ถูกตำหนิติเตียนและยกย่องสรรเสริญ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาของโลกมนุษย์ไม่ว่ามนุษย์จะต้องการหรือไม่ต้องการก็ตาม
มนุษย์ทุกคนในโลกต้องประสบพบปัญหาชีวิตอย่างแน่นอน การอบรมสั่งสอนของพ่อแม่และผู้ปกครองจะต้องอบรมให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างมีเหตุผลถูกต้องเพียงพอ มองเห็นคุณค่าความหมายความสำคัญและประโยชน์เกิดความอยากต้องการที่จะประพฤติปฏิบัติตามและนำไปสู่จุดหมายความสำเร็จได้อย่างแท้จริง
ความยากจน
ความยากจน การที่มีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย เป็นเรื่องของการเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจ มีรายได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่สังคมกำหนดไว้ เป็นที่กระทบถึงปัญหาสุขภาพอนามัย การศึกษา
อาชีพ ทัศนคติ วัฒนธรรม
ความยากเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาของคนทุกคน
ความยากจนเป็นปัญหาสังคมที่ต้องการให้มีการแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและกำจัด
ดังนั้นจึงได้กำหนดมาตรฐานความยากจนและนิยามของความยากจนต่าง ๆ
ไว้มากมาย
สาเหตุของความยากจน
ความยากจนอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ
อาจเป็นเพราะโชคชะตาเคราะห์กรรม
การกระทำของบุคคล การเมือง เศรษฐกิจ
สังคมและวัฒนธรรม
และผลจากการกระทำของแต่ละบุคคลในอดีตและปัจจุบัน
อาจจะกล่าวได้ว่าความยากจนเกิดจากสาเหตุหลัก 3 ประการ
คือ
1.
ความยากจนเกิดจากโชคชะตาเคราะห์กรรม
2.
ความยากจนเพราะบุคลิกภาพ
3.
ความยากจนเพราะโครงสร้างทางสังคม
ผลกระทบจากความยากจน
ปัญหาความยากจนที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบทั้งบุคคลและสังคมไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
ซึ่งพอที่จะสรุปถึงผลกระทบที่เกิดจากความจนออกมาได้ ดังนี้
1.
ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
2.
ผลกระทบต่อที่พักอาศัย
3.
ผลกระทบต่อชีวิตครอบครัว
4.
ผลกระทบต่อทัศนคติ
5.
ผลกระทบต่อการศึกษา
6.
ผลกระทบต่ออาชีพ
การป้องกันและแก้ไขความยากจน
การป้องกันและการแก้ไขในความยากจน
สามารถที่จะกระทำได้หลายวิธี
ซึ่งนักสังคมวิทยาเห็นว่าการป้องกันปรับปรุงแก้ไขที่ตัวบุคคลก่อนแล้วค่อยต่อไปที่เรื่องของสังคม
ข้อเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขความยากจน ดังนี้
1.
ด้านร่างกายและจิตใจ
2.
ด้านทัศนคติ
3.
ด้านการศึกษา
4.
ด้านอาชีพ
5.
ด้านการวางแผนครอบครัว
เศรษฐกิจพอเพียง
เป็นเรื่องของการจัดระเบียบชีวิตบริหารจัดการเศรษฐกิจที่ดีถูกต้องพอเพียงมีเหตุผลประหยัดเกิดประสิทธิภาพประสิทธผลสูงสุด ทำให้เกิดความสุขไร้ปัญหา
เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรและทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ในสังคมอย่างเป็นธรรม
เพื่อสนับสนุนส่งเสริมเกื้อกูลเกื้อหนุนการเรียนรู้พัฒนาคนและสังคมให้พัฒนาเจริญทั้งด้านร่างกายและจิตใจ สามารถดำเนินชีวิตให้มีคุณธรรม พึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงยั่งยืนมีการเป็นอยู่ที่มีความสุขมีคุณค่าความหมายและประโยชน์เกิดความเจริญรุ่งเรืองพัฒนาก้าวหน้า
คอร์รับชั่น
เป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งต่อความเจริญและความมั่นคงของสังคมและประเทศ คอร์รับชั่น หมายถึง
พฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์
ทุจริตผิดกฎหมายและผิดศีลธรรม
ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง
โดยทั่วไปเป็นเรื่องของผู้บริหารปกครองที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจ ทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญขององค์กร สังคม
และประเทศ
อาศัยตำแหน่งหน้าที่ที่ตนมีอยู่แสวงหาผลประโยชน์ในเรื่องทรัพย์สินหรือสิ่งของให้แก่ตนเองและพวกพ้อง เบียดบังเอาไปใช้ส่วนตัว
ลักษณะการคอร์รับชั่น
1.
เป็นลักษณะตามน้ำหรือโดยอ้อม คือ
ได้ก็ดีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร
ไม่มีการคิดวางแผน
ไม่มีการเจรจาในเรื่องผลประโยชน์
แต่รู้กันเป็นนัย ๆ ในลักษณะรับสินบน ค่าน้ำร้อนน้ำขา เป็นต้น
2.
เป็นลักษณะทวนน้ำหรือทางตรง คือ
มีการคิดวางแผนกันเป็นอย่างดี
มีการเจรจาตกลงกันโดยตรงว่าจะให้เท่าไหร่
ตลอดถึงการโยกย้ายงานไปในที่หรือตำแหน่งที่ดีกว่า
รูปแบบของการคอร์รับชั่น
มักเกิดได้ในทุกวงการทั้งทางภาครัฐและเอกชน ในวงราชการ
ธุรกิจ การเมือง ในสังคมปัจจุบันต้องการความสะดวกรวดเร็วต้องการได้จนเกินไป
จึงมีการสมยอมให้สินบนเพื่อความสะดวกรวดเร็วไปด้วยดีของงาน
กลุ่มผลประโยชน์จึงร่วมมือกันทำทุจริตในรูปแบบของคอร์รับชั่น ดังนี้
1.
การจัดซื้อจัดจ้าง โดยอาศัยกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ
เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์
การประมูลโครงการต่าง ๆ ไม่ยุติธรรมไม่โปร่งใสตรวจสอบไม่ได้
ประชาชนไม่สามารถรับรู้ข้อมูลข่าวสารเอกสาร ก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รับชั่นมากมาย
2.
การให้สัมปทาน
การที่รัฐให้สิทธิพิเศษอนุญาตให้เอกชนจัดทำบริการสาธารณะ จัดทำประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ สัมปทานให้เอกชน เอกชนเข้าดำเนินธุรกิจด้านสาธารณูปโภค เป็นต้น
เพื่อให้ได้งานกำไรความสะดวกรวดเร็วสำเร็จของงาน กลุ่มผลประโยชน์จึงร่วมมือกันทำทุจริตคอร์รับชั่น
3.
การให้บริการ
ระบบการให้บริการประชาชนไม่ยุติธรรมไม่โปร่งใสไม่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ผู้ที่ไปขอรับบริการมีความเดือดร้อนควรได้รับการแก้ไขหรือช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแต่กลับไม่ได้รับ
เจ้าหน้าที่ละเลยต่อหน้าที่ต่อเมื่อมีสินบน
ค่าน้ำร้อนน้ำชาหรือเงินใต้โต๊ะจึงให้บริการช่วยเหลือแก้ไข
4.
การโกงยักยอก โดยการใช้เล่ห์เหลี่ยมกลอุบายหลอกลวงเอาทรัพย์ของหลวงหรือของผู้อื่นมาเป็นของตน
โดยการจัดทำหรือแสดงเอกสารหลักฐานเป็นเท็จไม่ตรงกับความจริง
ปัจจุบันในสังคมไทยรูปแบบการทุจริตคอร์รับชั่นที่สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับสังคมประเทศชาติบ้านเมือง ก็คือ
“การคอร์รับชั่นเชิงนโยบาย” เป็นการปล้นที่ยิ่งใหญ่ที่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ไร้ศีลธรรม จรรยาบรรณ
ของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอำนาจที่ถูกต้องตามกฏหมายถ้าไม่ถูกต้องก็ออกกฏหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ
มารองรับในการกระทำโดยอาศัยมติคณะรัฐมนตรีหรือคณะกรรมการต่าง ๆ
ของรัฐบาลมาทำให้ถูกต้อง เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและกลุ่มผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นการยากที่จะเอาผิดลงโทษ เพราะดูเหมือนว่าถูกต้องชอบธรรม
สาเหตุการคอร์รับชั่น
อาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ สาเหตุมาจากทั้งภายในและภายนอก
อันเกิดจากอุปนิสัยจิตใจพฤติกรรมของมนุษย์เอง เป็นเรื่องของสภาพทางสังคมที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
มีอิทธิพลมาหลอกตาลวงใจให้ทุจริตคอร์รับชั่น
เพื่อความเข้าใจสาเหตุการคอร์รับชั่นง่ายขึ้น จึงได้เสนอสาเหตุใหญ่ ๆ
ดังนี้
1.
ความโลภอยากได้ ความอยากได้โลภมากไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้จักพอ
ไม่รู้จักพอประมาณ พอดี พอเพียง
เพราะต่างคนต่างมุ่งหวังเอาผลประโยชน์ส่วนตนไม่คำนึงถึงส่วนรวม
2.
ตำแหน่งอำนาจ เป็นบ่อเกิดที่มาของผลประโยชน์ ทรัพย์สินเงินทอง ไม่คำนึงถึงปัญหาความเดือร้อนเสียหายจะตามมา สร้างปัญหาความเดือดร้อนทำลายต่อส่วนรวม
3.
วัตถุสิ่งของ เป็นสิ่งที่สำคัญ เป็นที่ปรารถนา
หรือเป็นเป้าหมายที่บางคนว่าเงินทองสำคัญกว่าเรื่องอื่น จึงพยายามแสวงหาทุกวิถีทาง แม้ทำชั่วทุจริตก็ต้องยอม
ความจริงวัตถุสิ่งของเป็นปัจจัยภายนอกช่วยอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต
อย่าไปหลงมัวเมาว่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญดีเลิศประเสริฐสุด ยังเข้าใจผิดว่าได้มาแล้วจะมีความสุข
ความสุขของมนุษย์ที่แท้จริงยังมีอย่างอื่นอีกมากมาย
4.
สิ่งแวดล้อม เป็นความอ่อนแอล้มเหลวของระบบโครงสร้างทางสังคม เสียระเบียบขาดบรรทัดฐานจรรยาบรรณทางสังคม กฎหมาย
อำนาจ และวัฒนธรรม เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในวงราชการ ธุรกิจ
และการเมืองเป็นกระบวนการให้มีการแทรกแซงจากผู้มีตำแหน่งอำนาจ ระบบปิดไม่ให้สาธารณชนเข้าไปมีส่วนร่วมรับทราบเปิดเผยตรวจสอบได้
ระบบโครงสร้างตำแหน่งอำนาจที่เอื้อต่อการทำทุจริตได้ เป็นช่องทางให้ผู้บริหารร่วมกับกลุ่มผลประโยชน์ทำทุจริตประพฤติมิชอบ
จนกลายเป็นปัญหาทุจริตคอร์รับชั่นอย่างแพร่หลาย ส่งผลต่อความเสียหายต่อความเจริญและความมั่นคงของงรัฐ ทำให้ประเทศต้องเป็นหนี้อย่างมหาศาล ก่อให้เกิดปัญหาสังคมมากมายตามมา
แนวทางการแก้ไขป้องกันคอร์รับชั่น
การทุจริตคอร์รับชั่นในวงราชการ ธุรกิจ
และการเมือง
ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกระดับที่มีตำแหน่งอำนาจหน้าที่ หากมีช่องทางหรือโอกาสที่จะแสวงหาผลประโยชน์น้อยคนที่จะละโอกาสนี้
จึงเป็นการยากที่จะปราบปรามการทุจริตคอร์รับชั่นในวงราชการ ธุรกิจ
และการเมืองให้หมดสิ้นไป
แนวทางแก้ไขป้องกันการทุจริตคอร์รับชั่น
จึงมีข้อเสนอดังนี้
1.
ด้านบุคคล
สรรหาบุคคลที่มีลักษณะสอดคล้องระบบบริหารงานบุคคลแบบคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความจริงใจรับผิดชอบ
อุทิศตนต่อหน้าที่การงานทั้งส่วนตัวและส่วนรวม ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ขยันอดทน
2.
ด้านตำแหน่ง ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ ต้องยึดมั่นตามหลักกฏหมาย สังคมและวัฒนธรรม นำมาปฏิบัติให้เกิดความเสมอภาคเป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย ไม่เลือกปฏิบัติหรือเล่นพรรคเล่นพวก
กระจายอำนาจแบ่งหน้าที่การรับผิดชอบเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รับชั่น
3.
ด้านการบริหารจัดการ ต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไข การบริการจัดการและค่าครองชีพให้เหมาะสมกับทางเศรษฐกิจ การเมืองสังคมและวัฒนธรรม
เพื่อการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมไปสู่เป้าหมาย
มีความเป็นธรรมซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใสไม่มีลับลมคมใน อยู่ในกรอบเกิดความชัดเจนถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง ต้องยึดหลักประหยัด
และคำนึงถึงความคุ้มค่าประโยชน์สูงสุดของประชาชน เพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญตอบสนองความพึงพอใจของประชาชน
4.
ด้านกฎหมาย
ผู้บริหารผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบความเสื่อมและความเจริญขององค์กร สังคมและประเทศ จะต้องออกกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ ภารกิจหน้าที่
เพื่อเป็นมาตฐานแนวทางการปฏิบัติให้ชัดเจนและมีบทลงโทษเด็ดขาด
เพื่อความเป็นเอกภาพมาตรฐานพัฒนาที่มั่นคง
แม้การคอร์รับชั่นมีการเอาผิดลงโทษได้ยากทำให้ผู้ทุจริตไม่เกรงกลัว จะต้องมีการเอาผิดและลงโทษอย่างเด็ดขาด
และยังต้องประกาศเปิดเผยการทุจริตผู้ทำผิดต่อสาธารณชนอีกด้วย เพื่อให้ผู้กระทำความผิดเกิดความสำนึกเกรงกลัวต่อการกระทำความชั่วของตนเอง
อาชญากรรม
ความหมายของอาชญากรรม
การกระทำความผิดต่อกฏหมายและศีลธรรม การกระทำผิดต่อสังคม เป็นความผิดทางกฎหมายอาญา
ไม่ใช้ความผิดส่วนบุคคลแต่เป็นความผิดต่อส่วนรวม เป็นอาชญากรรมสร้างความเสียหายเดือดร้อนกับสังคม เช่น
การฆ่าคนตาย การปล้นชิงทรัพย์ อาชญากรรมทางธุรกิจ การค้ายาเสพติด เป็นต้น เป็นโทษที่ไม่สามารถลบล้างความผิดด้วยการขอโทษหรือชดใช้ค่าเสียหายได้
อาชญากรต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญากำหนดไว้ เช่น
จำคุก ประหารชีวิต ปรับหรือริบทรัพย์สิน เป็นต้น
การพิสูจน์ข้อเท็จจริงเอกสารหลักฐานพยานว่าได้กระทำผิดจริง
เจ้าหน้าต้องเอาผิดลงโทษแก่ผู้ร้ายตามกระบวนการทางกฏหมายบ้านเมือง
อาชญากรและอาชญากรรม
อาชญากร หมายถึง
ผู้กระทำความผิด
มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐาน
วัฒนธรรม กฎหมาย ค่านิยม
ที่ทุกคนยอมรับยึดถือเป็นหลักปฏิบัติในแต่ละสังคม
อาชญากรรม คือ
พฤติกรรมการกระทำผิดทั้งหลาย
และมีพฤติกรรมที่ชั่วร้ายเบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐาน ค่านิยม
วัฒนธรรม กฎหมาย ที่ทุกคนในสังคมยอมรับยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ
เป็นลักษณะฝ่าฝืนละเมิดกฏหมายและศีลธรรมที่บัญญัติห้ามเอาไว้ มีโทษภัยอันตรายต่อสังคม ผู้กระทำผิดฝ่าฝืนละเมิดต้องถูกลงโทษทัณฑ์
ประเภทของอาชญากร
ในทุกสังคมมนุษย์อาชญากรหรือผู้ก่ออาชญากรรมจะมีอยู่ 2 ประเภทใหญ่
ๆ คือ คนดีกับคนไม่ดี คนดี
คือ คนที่พูดดี คิดดี
และทำดีมีเหตุผลสอดคล้องสัมพันธ์กับหลักความจริงมีเหตุผล
ไม่กระทำความผิดต่อกฎหมายและศีลธรรมทางสังคม ส่วนคนไม่ดีนั้น คือ
คนที่คิดชั่ว พูดไม่ดี และทำชั่วไม่มีความถูกต้อง เป็นคนที่เป็นอันตราย กระทำผิดต่อสังคม
กฎหมายและศีลธรรมอันดีงาม
ปรากฏการณ์ทางสังคม
อาชญากรในสังคมพอที่จะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ
ได้ 2 ประเภท คือ
1.
อาชญากรอาชีพหรือสมัครใจ ผู้กระทำผิดประเภทนี้จะมีร่างกายและจิตใจที่บกพร่องผิดปกติ มีนิสัยโหดร้ายทารุณและอันธพาลป่าเถื่อน มีนิสัยก้าวร้าวใจร้อนขาดสติ เกิดจากความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมหรือเกิดจากการอบรมเลี้ยงดู จึงมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนเลวร้ายกระทำผิด ดำเนินชีวิตไปในทางที่เสียหายเป็นปัญหาต่อสังคม
ต้องทำผิดเลี้ยงชีพเพื่อความอยู่รอดในสังคม คอยคิดหาโอกาสปล้นชิงงทรัพย์อยู่ตลอดเวลา เพราะอาชญากรรม คือ
อาชีพของพวกเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินรายได้เพื่อความอยู่รอดในสังคม
2.
อาชญากรไม่ใช่อาชีพหรือไม่สมัครใจ เป็นการกระทำเป็นครั้งคราวตามโอกาส
ไม่ใช้ผู้ร้ายโดยสันดานการกระทำผิดอาจจะละเมิดโดยไม่ตั้งใจทำไปเพราะความหลงใหลมึนเมาขาดสติ ทำไปเพราะถูกกดดันบังคับ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือทำไปเพราะเพื่อป้องกันตัวเอง เช่น
บันดาลโทสะขาดสติ
หรือฆ่าผู้อื่นเพราะเพื่อป้องกันตัว
เป็นต้น
การกระทำผิดหลาย ๆ
ครั้งหรือบ่อย ๆ จะเกิดเป็นความเคยชิน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม จากเกิดความเกรงกลัวกลายเป็นไม่เกรงกลัว และกล้าที่จะกระทำผิด ส่วนมากจะเป็นคนที่ติดอบายมุข ติดสุราหรือติด
การพนัน จึงต้องแสวงหาเงินมาเพื่อสนองความต้องการของตนเอง ด้วยการทุจริตหลอกลวง ลักขโมย
ก็จะกลายเป็นอาชญากรรมมืออาชีพในที่สุด
ประเภทของอาชญากรรม
การต่อสู้ดิ้นรนแก่งแย่งกันของมนุษย์ในสังคม มีการฝ่าฝืนละเมิดกฎระเบียบกติกาของสังคม มีการประพฤติผิดกฏศีลธรรม ถือเป็นการกระทำผิดหรืออาชญากรรม อาชญากรรมมีหลายลักษณะหลายประเภท
ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีทั้งที่มีผู้เสียหายและไม่มีผู้เสียหาย ผู้กระทำความผิดเป็นบุคคลเดียวกัน ไม่มีคู่กรณี
เป็นการกระทำที่มีความผิดในตัวของมันเองเป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับศีลธรรมอันดีงาม เป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือชีวิตของผู้อื่น ในประมวลกฎหมายอาญา ตามลักษณะอาชญากรรมหรือการกระทำผิด ผู้กระทำผิดได้รับโทษตามกฎหมายกำหนดเอาไว้ อาชญากรรมที่ปรากฏมีให้พบเห็นอยู่ทั่วไป พอสรุปได้ดังนี้
1.
การฆ่ามนุษย์ จะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ถือว่าเป็นอาชญากรรมที่ความร้ายแรงที่สุด
ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษตามกฎหมายอาญา
เพราะถือเป็นการทำลายทรัพยากรทางสังคมที่มีคุณค่า สร้างความเสียหายเดือดร้อนต่อครอบครัวผู้อื่น
และย่อมส่งผลเสียต่อความเป็นอยู่ของครอบครัว เป็นการกระทำความผิดต่อกฏหมายและศีลธรรมอย่างรุนแรง
2.
การข่มขืนหรือข่มขืนแล้วฆ่า เป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ ล่วงละเมิดทางเพศ เป็นการฆ่าให้ตายทั้งเป็นอย่างทรมาน
โดยเฉพาะการข่มขืนเด็กถือเป็นการทารุณกรรมทางเพศอย่างรุนแรง เป็นการกระทำที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม ผู้ถูกกระทำมักปกปิดเป็นความลับไม่บอกคนอื่นไม่กล้าเปิดเผยหรือแจ้งความ ทนทุกข์ทรมานเพราะกลัวความอับอายในสังคม ทำให้อาชญากรใจชั่วย่ามใจไม่เกรงกลัว จึงปรากฏอาชญากรรมในลักษณะนี้อยู่เสมอ ๆ
ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ไม่เว้นวัน
3.
การลักปล้นชิงทรัพย์ การถือเอาสิ่งของ ๆ
ผู้อื่นด้วยความตั้งใจ
พฤติกรรมการลักขโมยมีหลายรูปแบบ เป็นพฤติกรรมที่เกิดความโลภต้องการอยากได้ เป็นการสร้างความเสียหาย
เป็นการสร้างปัญหาความทุกข์ความเดือดร้อนแก่เจ้าของทรัพย์ เป็นอาชญากรรม
การกระทำผิดศีลธรรมและกฎหมาย
สร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่เพื่อนมนุษย์และสังคม
4.
การทำร้ายร่างกาย เมื่อมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันไม่พอใจหรือตกลงกันไม่ได้ย่อมมีการทะเลาะวิวาทต่อสู่ทำร้ายกัน โดยอาจมีการใช้อาวุธทำร้ายร่างกาย เป็นลักษณะการทำร้ายร่างกายให้ได้รับอันตรายบาดเจ็บไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ เป็นการทำร้ายร่างกายและจิตใจ
หรือทำให้เจ็บปวดทรมานทุกข์กายทุกข์ใจในชีวิตทางสังคม
ถือได้ว่าเป็นอาชญากรรมทำความเสียหายเดือดร้อนให้แก่คนและสังคมในแต่ละวัน
5.
การยักยอกฉ้อโกง การเอาทรัพย์สินของผู้อื่นที่อยู่ในความดูแลของตนมาเป็นของตนเองโดยการทุจริต หรือโดยการโยกย้ายให้เป็นของคนอื่น ใช้อุบายหลอกลวงเอาทรัพย์ของหลวงหรือของผู้อื่นมาเป็นของตน
ถือเป็นอาชญากรรมที่สร้างปัญหาความเดือดร้อนเสียหายอย่างหนึ่ง
6.
การค้าประเวณี เป็นอาชีที่ยอมรับต้องการเฉพาะบางกลุ่ม
เป็นที่รังเกียจไม่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ในสังคม เป็นอาชีที่ถือว่าผิดศีลธรรมและวัฒนธรรม เป็นแหล่งอบายมุขยาเสพติด เป็นแหล่งมั่วสุม
เป็นแหล่งแพร่เชื้อเป็นภัยอันตรายต่อสังคมและประเทศ เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ถือว่าเป็นอาชญากรรมสำคัญในโลกปัจจุบัน
7.
การค้ายาเสพติด ยาเสพติดเป็นอันตรายต่อระบบสมองคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย เป็นอันตรายต่อชีวิตเป็นพิษต่อสังคม
สร้างความเสียหายต่อชนทุกระดับชั้นและต่อการเจริญพัฒนาคุณภาพชีวิต เด็กและเยาวชนที่ติดยาเสพติดจิตใจอ่อนแอเบื่อหน่ายในการเรียน ทำลายอนาคตของตนเอง ทำลายความหวังของพ่อแม่ ทำให้เสียเวลาและเงินทองในการบำบัดดูแลรักษา สร้างปัญหาและเป็นภาระให้ครอบครัวและสังคม เมื่อมีความต้องการก็มีการแสวงหาโดยการลักขโมย จี้
ปล้น
และเมื่อมีการขัดขวางไม่ยินยอมก็จะมีการต่อสู้ทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
ซึ่งนับว่าเป็นภัยอันตรายต่อเพื่อนมนุษย์และสังคมที่ใช้ชีวิตในประจำวัน
เป็นการบ่อนทำลายทรัพยากรมนุษย์สังคมและประเทศอย่างร้ายแรง
8.
การทุจริตคอร์รับชั่น ถือเป็นอาชญากรรมทางธุรกิจเศรษฐกิจ เป็นอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในวงการราชการธุรกิจและการเมือง
โดยการร่วมมือกันทำการทุจริตของกลุ่มที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ส่วนใหญ่เป็นอาชญากรผู้ดี
แต่มีนิสัยที่โลภคดโกงต้องการอยากได้อย่างไร้คุณธรรมและจริยธรรม เช่น
การสมยอมทางธุรกิจ การหลบเลี่ยงภาษี เป็นต้น
สาเหตุของอาชญากรรม
อาชญากรรมเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ
หลายสาเหตุ ได้มีการศึกษาวิเคราะห์สาเหตุอาชญากรรมทั้งภายในและภายนอกแล้ว
สาเหตุที่แท้จริงของอาชญากรรมไม่มีสาเหตุใดเพียงสาเหตุเดียวแต่เกิดจากหลายสาเหตุที่อาศัยโยงใยกันจากแนวความคิดทั้งหลายดังกล่าว จึงพอจะสรุปสาเหตุอาชญากรรมได้ 3 ประการคือ
1.
สาเหตุทางร่างกาย
2.
สาเหตุทางจิตใจ
3.
สาเหตุทางสังคม
การป้องกันแก้ไขอาชญากรรม
ปรากฏการณ์การขัดแย้งทางสังคม
มีผลกระทบทำลายความเป็นระเบียบเรียบร้อยต่อความสงบสุขของสังคมถือเป็นอาชญากรรม จึงเป็นภาระหน้าที่ของสมาชิกทุกคนและทุกหน่วยงานที่จะต้องร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันสอดส่องดูแลแก้ไขและป้องกัน แนวทางการป้องกันแก้ไขอาชญากรรม พอสรุปได้ดังนี้
1.
การขัดเกลาทางสังคม การฝึกอบรมมนุษย์
กระบวนการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมของสังคมไปยังเด็กและมีจิตสำนึกให้รู้จักผิดถูก การป้องกันแก้ไขไม่ให้คนก่ออาชญากรรม ต้องเริ่มที่การฝึกฝนอบรมพัฒนาคนให้เป็นคนดีมีคุณภาพเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
2.
การลงโทษทัณฑ์
เมื่อมีผู้กระทำผิดต้องมีการลงโทษไม่มีการยกเว้น ทำอย่างรอบคอบเที่ยงธรรม ไม่เห็นแกพวกพร้องเพื่อนฝูง
เพื่อรักษาความถูกต้องยุติธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ของกฏหมาย เพื่อให้ทุกคนเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ฝ่าฝืนละเมิดกฎหมาย หากทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบกติกา ก็จะไม่มีอาชญากรรมในสังคม
ทำให้ทุกคนในสังคมมีชีวิตร่วมกันได้อย่างปกติสุขไร้ปัญหาอาชญากรรม
3.
การร่วมกันรับผิดชอบ ประชาชนทุกคนต้องเข้าใจในสิทธิและหน้าที่เข้าใจการปกป้องคุ้มครองรักษาทรัพย์สินและชีวิตของตนเองและผู้อื่น สนใจข้อมูลข่าวสารเหตุการณ์บ้านเมือง เป็นหูเป็นตาแจ้งเบาะแสอาชญากรรม ไม่ให้โอกาสอาชญากรรมลงมือกระทำผิดสร้างความเสียหายแก่สังคม
ให้ความร่วมมือรับผิดชอบระหว่างประชาชนกับตำรวจ ร่วมมือกันป้องกันตนเองให้พ้นจากการเป็นเหยื่อของอาชญากร
ช่วยกันสอดส่องดูแลภัยอันตรายที่จะเกิดขึ้น
อย่าเห็นแก่ตัวไม่สนใจเรื่องของคนอื่นคิดว่าธุระไม่ใช่
ต้องช่วยกันจัดการแก้ไขตามกำลังความสามารถอย่างรวดเร็ว เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพื่อความสงบสุขความสามัคคีความเข้มแข็งของชุมชนและสังคม
เพื่อความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้ามั่นคงของสังคมประเทศ
4.
เศรษฐกิจ การทำงานหาเลี้ยงชีพอย่างถูกต้องเป็นธรรม เป็นเรื่องของการอยู่ดีกินดีมีความสุขไม่เดือดร้อนวุ่นวาย อาชีพการงานสุจริตไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม การงานที่เหมาะสมกับความรู้และความสามารถของตนเอง ทำงานหารายได้เพื่อการเป็นอยู่ได้มาแล้วรู้จักใช้จ่ายให้เหมาะสมแก่ฐานะของตนเอง หากทุกคนมีอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ประพฤติเสียหายสร้างปัญหา ความสงบสุขในสังคมก็จะเกิดขึ้น วิธีป้องกันอาชญากรที่ดีอย่างหนึ่ง
ต้องจัดเรื่องเศรษฐกิจของบ้านเมืองให้เรียบร้อยเสียก่อน
ให้มีรายได้พอเพียงกับรายจ่ายหรือการเป็นอยู่ ไม่ใช่ป้องกันแก้ไขด้วยวิธีรุนแรงหรือด้วยการฆ่าเพราะการฆ่าทำลายเป็นการแก้ที่ปลายเหตุไม่ตรงประเด็น
ยาเสพติด
ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งต่อความสงบเรียบร้อยมั่นคงของสังคมประเทศ
เป็นภัยอันตรายต่อชีวิตเพราะเป็นบ่อเกิดของปัญหาหลายด้าน ทำลายสุขภาพกายและจิตใจของผู้เสพทำให้ขาดการควบคุมตนเอง
เกิดความทรมานกลายเป็นบุคคที่มีปัญหาน่ากลัวอันตราย เพราะเมื่อเกิดการหิวยาก็จะพยายามหาสิ่งเสพติดหรือหาเงินซื้อ
ซึ่งนำไปสู่การก่ออาชญากรรมก่อความเดือดร้อนให้ครอบครัวและคนอื่น
ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประเทศชาติต้องสูญเสียทรัพยากรมนุษย์และสูญเสียเงินงบประมาณในการป้องกันปราบปรามและดูแลรักษาผู้ติดยาเสพติด
ยาเสพติด หมายถึง สารหรือวัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
จากการสังเคราะห์ เมื่อบุคคลเสพเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะโดยวิธีใดทำให้เกิดผลต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้มึนเมาและขาดสติสูญเสียความรู้สึกตัว ทำให้พฤติกรรมการกระทำเสียหาย ทำร้ายอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายเสื่อมโทรม โดยส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและศีลธรรม
ประเภทของยาเสพติด
ในปัจจุบันยาเสพติดในสังคมมีมากมายหลายอย่าง
ที่แพร่กระจายและมีการเสพติดกันสามารถแบ่งประเภทได้หลาย ๆ
รูปลักษณะ ดังนี้
แบ่งตามแหล่งที่มา
1.
เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
ได้มาจากพืชที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติโดยตรง เช่น
ฝิ่น กัญชา กระท่อม
เป็นต้น
2.
เกิดจากการสังเคราะห์
ได้จากการสกัดพืชหรือจากการผลิตด้วยกรรมวิธีทางสารเคมี เช่น
เฮโรอีน มอร์ฟีน โคเคน
ยาอี ยาบ้า ทินเนอร์
เป็นต้น
แบ่งตามการออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท
1.
ยากดประสาท ทำให้อารมณ์เปลี่ยนแปลง กล่อมประสาทให้มึนงง ขาดสติสมาธิ
เกียจคร้านไม่อยากทำงาน ได้แก่ ฝิ่น
มอร์ฟีน เฮโรอีน สารระเหย
เป็นต้น
2.
ยากระตุ้นประสาท มีฤทธิ์ทำให้เกิดการตื่นตัว สนุกสนาน
ร่าเริง ไม่รู้สึกง่วงนอน ขยันกระตือรื้อร้นอยากทำงาน เพราะร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนเพียงพอ ได้แก่
ยาบ้า ยาอี กระท่อม
เป็นต้น
3.
ประเภทหลอนประสาท
มีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการประสาทหลอนเห็นภาพลวงตา รู้สึกเพ้อฝัน
หูแว่ว อาจทำร้ายตนเองและคนอื่นได้ ได้แก่
แอลเอสดี และเห็ดขี้ควาย เป็นต้น
4.
ประเภทออกฤทธิ์ผสมผสาน
คือมีทั้งกดและกระตุ้นและหลอนประสาทร่วมกัน ได้แก่
กัญชา ผู้เสพมักมีอาการหวาดระแวง
หัวเราะร่าเริงสนุกสนานผ่อนคลายไม่มีเหตุผล ความคิดสับสนวุ่นวาย ไม่สามารถควบคุมตนเองได้ และอาจป่วยเป็นโรคจิตได้
แบ่งตามกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ แบ่งเป็น 5 ประเภท คือ
1.
ยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง เช่น
เฮโรอีน
2.
ยาเสพติดให้โทษทั่วไป เช่น
มอร์ฟีน
3.
ยาเสพติดให้โทษที่มีลักษณะเป็นตำรับยา และมียาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 2 ผสมอยู่ด้วย
4.
สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
หรือประเภทที่
2
5.
ยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าอยู่ในประเภทที่ 1 ถึงประเภทที่
4
เช่น กัญชา กระท่อม
แบ่งตามองค์กรอนามัยโลกองค์การอนามัยโลกได้แบ่งยาเสพติดออกเป็น 9 ประเภท คือ
1.
ประเภทฝิ่นหรือมอร์ฟีน รวมทั้งที่มีฤทธิ์คล้ายมอร์ฟีน เช่น
เฮโรอีน เพทิดีน
2.
ประเภทยาบีทูเรท รวมทั้งยาที่มีฤทธิ์ทำนองเดียวกัน เช่น
เซโคบาร์บีดาล
3.
ประเภทแอลกอฮอล์ ได้แก่
เหล้า เบียร์ วิสกี้
เป็นต้น
4.
ประเภทแอมเฟดตามีน ได้แก่
เมทแอมเฟตามีน แอมเฟตามีน
5.
ประเภทโคเคน ได้แก่
โคเคน และใบโคคา
6.
ประเภทกัญชา ได้แก่
ยางกัญชา และใยกัญชา
7.
ประเภทใบกระท่อม
8.
ประเภทหลอนประสาท ได้แก่
แอสเอสดี ดีเอ็นที เมสตาลิน
9.
ประเภทอื่น ๆ
นอกเหนือจาก 8 ประเภทข้างต้น ได้แก่
สารระเหยต่าง ๆ เช่น
ทินเนอร์ เบนซิน น้ำยาล้างเล็บ เป็นต้น
ยาเสพติดชนิดต่าง ๆ
ทั้งหลายที่แพร่ระบาดในสังคมไทย
ฝิ่น
ได้จากยางของผลฝิ่น
เป็นสารประกอบชนิดหนึ่ง
เป็นตัวการสำคัญทำให้ฝิ่นกลายเป็นสารเสพติดให้โทษที่ร้ายแรง เป็นพืชล้มลุกนิยมปลูกมากทางภาคเหนือ มีสีน้ำตาล
กลิ่นเหม็นเขียว รสขม เรียกว่าฝิ่นดิบ แต่ถ้านำไปต้มหรือหมักเราเรียกว่าฝิ่นสุก
แต่ทั้งดิบหรือสุกเมื่อสูบหรือรับประทานเข้าไปแล้วจะมีฤทธิ์ในการกดระบบประสาท จะมีอาการรู้สึกสบาย จิตใจเลื่อนลอย สนุกสนานร่าเริง อารมณ์ดี
ต่อมาเซื่องซึมเชื่องช้าไม่สบายฟุ้งซ่านขาดประสิทธิภาพในการทำงาน สุขภาพร่างกายจะเสื่อมโทรม ซูบผอม
ริมฝีปากเขียวคล้ำ
อ่อนเพลียง่าย เกียจคร้าน บางรายมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
มอร์ฟีน เป็นตัวยาสำคัญในฝิ่นเป็นฝิ่นธรรมชาติ เป็นยาบรรเทาในกลุ่มโอปิออยด์ มอร์ฟีนจะออกฤทธิ์ตรงต่อระบบประสาทส่วนกลางเป็นผลทำให้บรรเทาความเจ็บปวดได้เป็นอย่างดี มอร์ฟีนเป็นผงสีขาวหรือเทาเกือบขาว ไม่มีกลิ่น
ละลายน้ำว่าย มีทั้งเป็นเม็ด เป็นผง
เป็นแท่ง
และชนิดเป็นน้ำบรรจุหลอด เมื่อเสพเข้าไปในร่างกายจะมีฤทธิ์ในการกดปราสาทและสมองอย่างรุนแรงกว่าฝิ่นประมาณ 8-10 เท่า
ทำให้คลายความเจ็บปวดได้ดี
อาการของผู้ที่เสพติดมอร์ฟีน
ระยะแรกฤทธิ์ของมอร์ฟีนจะช่วยลดความเจ็บปวดต่าง ๆ
ตามร่างกาย
ทำให้มีอาการง่วงนอนและหลับง่าย
หากเสพจนติดจะมีอาการเหม่อลอย เซื่องซึม
เกียจคร้าน
ไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง
ร่างกายทรุดโทรม เมื่อไม่ได้เสพจะเกิดอาการกระวนกระวาย หงุดหงิด
หวาดระแวง คลื่นไส้ ถ่ายเป็นเลือด นอนไม่หลับ
หายใจลำบากอาจชักและหมดสติเสียชีวิตได้
เฮโรอีน เป็นยาเสพติดที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี เป็นฝิ่นกึ่งสังเคราะห์
จากปฏิกิริยาระหว่างมอร์ฟีนกับสารเคมีบางชนิด เป็นยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรง
ฤทธิ์ของเฮโรอีนมี่ความรุนแรงกว่ามอร์ฟีนประมาณ 4
- 8 เท่า ในปัจจุบันที่แพร่ระบาดมีอยู่ 2 ชนิด
คือ เฮโรอีนบริสุทธิ์ มีลักษณะละเอียดสีขาว ไม่มีกลิ่น หรือเรียกว่า ผงขาว
และอีกชนิดเรียกว่าเฮโรอีนผสม
นิยมเรียกกันโดยทั่วไปว่า
แค๊ป หรือไอระเหย มีลักษณะเป็นเกล็ด ไม่มีกลิ่น
มีหลายสี
เนื่องจากสารพิษประเภทสารหนู
สติกนิน กรดประสานทอง เป็นต้น
ในส่วนผสมอยู่ด้วยมักจะพบบรรุอยู่ในซอง นิยมเสพโดยวิธีสูดไอระเหย
เมื่อเสพเข้าไปแล้วจะมีอาการผ่อนคลายสุขสบาย ไม่สนใจต่อสิ่งรอบข้าง ง่วงนอน
สามารถหลับได้เป็นเวลานาน
สำหรับผู้ที่เสพจนติด
ร่างกายจะเสื่อมโทรมผอมเหลือง
ขอบตาคล้ำ สมองและประสาทเสื่อม อ่อนเพลีย
ไม่มีแรง ถ้าไม่ได้เสพจะมีอาการทุรนทุราย หน้ามือตาลาย
หงุดหงิด ปวดท้องอาเจียน ถ่ายเป็นเลือด
บางรายมีอาการเพ้อคลั่งชักและหมดสติอาจเสียชีวิตได้ หากใช้ยาเกินขนาดจะทำให้หัวใจหยุดทำงาน เกิดอาการช็อคถึงแก่ความตายได้เช่นกัน
โคเคน เป็นยาเสพติดที่สกัดได้จากใบของต้นโคคา ซึ่งเป็นต้นไม้ที่ลักลอบนำเข้ามาปลูก มีฤทธิ์ในการกระตุ้นประสาทส่วนกลาง มีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว รสขม
ไม่มีกลิ่น เสพโดยใช้วิธีสูบ ฉีด
หรือสูดพ่นเข้าไปในจมูก
อาการของที่เสพติดยาโคเคน ระยะแรกฤทธิ์ของยาจะกระตุ้นประสาททำให้เกิดอาการมีความสุขสนุกสนานร่าเริง มีความตื่นตัว
ไม่รู้จักเหนื่อย
เมื่อหมดฤทธิ์ยาจะอ่อนเพลียเมื่อยล้า
ผู้ที่เสพติดแล้วไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิดโกรธง่าย ฝันร้ายนอนไม่หลับ เซื่องซึมเศร้า กระวนกระวาย
เบื่อชีวิตจนสามารถฆ่าตัวตายได้
กัญชา นิยมเรียกกันในกลุ่มผู้เสพว่าเนื้อ
เป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้าขึ้นได้ง่ายในเขตร้อน ใบคล้ายใบมันสำปะหลัง ออกดอกเป็นช่อเล็ก ๆ
ตามง่ามของกิ่งและก้าน
ส่วนที่นำมาเสพได้แก่
ส่วนของกิ่ง ก้าน ใบ
และยอดช่อดอก
โดยนำมาตากหรืออบแห้งแล้วหั่นหยาบ
ๆ นำมามวนสูบ หรืออาจสูบด้วยกล้องหรือบ้องกัญชา เวลาที่สูบกลิ่นจะเหมือนกับเชือกหรือหญ้าแห้งไหม้ไฟ มีฤทธิ์หลายอย่างผสมผสานกัน เริ่มตั้งงแต่กระตุ้น กด
และหลอนประสาท
ผู้ที่ติดในระยะแรกผู้เสพจะมีอาการสนุกสนานร่าเริง ตัวเบาสบาย
หัวเราะง่าย
ช่างพูดไม่มีเหตุผล
ขาดการควบคุมตัวเอง
ต่อมาจะมีอาการคล้ายคนเมาเหล้า
วิตกกังวล หากเสพเป็นเวลานาน จะทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจเสื่อมโทรม เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง โรคปอดถุงลมโป่งพอง ระบบทางเดินหายใจ
ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลงและเกิดความผิดปกติของฮอร์โมนเพศและพันธุกรรม
กระท่อม เป็นพืชยืนต้น กระท่อมยังรู้จักในชื่ออื่น ๆ
ได้แก่ ท่อม อีถ่าง
กระทุ่มโคก กระทุ่มพาย จัดเป็นพืชเฉพาะถิ่น
มีใบสีเขียวรูปไข่คล้ายในกระดังงาหรือใบฝรั่ง มีดอกรูปทรงสวยกลมโต การเสพจะใช้ส่วนที่เป็นใบสดมาเคี้ยวหรือตากแห้งแล้วหั่นหรือบดเป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแทนใบชา กระท่อมมีอยู่
2
ชนิด คือ ชนิดก้านแดง
และ ชนิดก้านเขียว
มีฤทธิ์ในทางกระตุ้นประสาท
ทำให้ผู้เสพมีความรู้สึกสนุกสนานร่าเริง
หายปวดเมื่อย มีพละกำลัง ทำงานไม่เหน็ดเหนื่อย ทนแดด
แต่ไม่ชอบถูกฝน
อาการของผู้ที่ติดใบกระท่อมจะมีร่างกายทรุดโทรมมาก เนื่องจากสุขภาพร่างกายทำงานหนักเกินกำลัง มีผิวหนังดำเกรียม ริมฝีปากแห้ง
แก้มเป็นจุดดำ ๆ และมีอาการนอนไม่หลับ หากเสพเป็นเวลานาน จะทำให้สภาพจิตใจสับสน มีอาการทางประสาท เมื่อไม่ได้เสพจะมีอาการหงุดหงิดโกรธง่าย กระวนกระวาย
พฤติกรรมก้าวร้าว
ร่างกายอ่อนเพลียปวดเมื่อย
ไม่ต้องการทำงาน เบื่ออาหาร เบื่อหน่ายชีวิต นอนไม่หลับคลุ้มคลั่งนอนไม่หลับ
ยาอี ยาเลิฟ
เป็นสารสังเคราะห์ผงละเอียดสีขาว
มีทั้งที่เป็นเม็ดและเป็นแคปซูล
ส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทยจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบนและมีสัญลักษณ์บนยาเป็นรูป กระต่าย
ค้างคาว นก เป็นต้น
เสพโดยการรับประทานจะออกฤทธิ์ภายในเวลา
45
นาที
และจะมีฤทธิ์อยู่นานประมาณ 6-8 ชั่วโมง มีอาการเป็น
2
ลักษณะ คือ กระตุ้นระบบประสาทในระยะสั้น ๆ
และหลังจากนั้นจะหลอนประสาทอย่างรุนแรง
มีแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบเที่ยวกลางคืน อาการของผู้ที่เสพติดยาอี จะทำให้ผู้เสพรู้สึกร้อน เหงื่อออกมาก
หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง การได้ยินเสียง การมองเห็นแสงสีผิดไปจากความเป็นจริง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ทำให้ผู้เสพมีอาการร่าเริงสนุกสนาน ไม่ต้องการอยู่เฉย ไม่มีความละอาย ขาดความระมัดระวัง สามารถกล้าทำได้ทุกอย่าง อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เสื่อมเสียต่าง ๆ
ยาบ้า ยาม้า หรือยาขยัน ยาเสพติดที่มีส่วนผสมของสารเคมีประเภทแอมเฟตามีน เป็นสารสังเคราะห์เป็นผงผลึกสีขาว ไม่มีกลิ่น รสขม มีฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งมีหน้าที่เก็บความจำ ความคิด ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย ในสังคมไทยนิยมเรียกกันว่า ยาบ้า มีทั้งเป็นเม็ดและแคปซูล มีทั้งเป็นผงเป็นสารละลายหรือก้อนผลึกใสเหมือนก้อนน้ำแข็งจะมีวิธีในการเสพที่แตกต่างกันตามรูปร่าง และมีความรุนแรงของฤทธ์ที่มีผลต่อร่างกายต่างกันไป ที่พบส่วนใหญ่มักมีลักษณะเป็นยาเม็ดกลมแบนขนาดเล็ก มีสีต่าง ๆ กัน มีสัญญลักษณ์ปรากฏบนเม็ดยา การเสพสามารถทำได้หลายวิธี รับประทานดื่มกินกับน้ำหรือสุรา ดองหรือผสมเครื่องดื่ม หรือสูดดม เป็นยาเสพติดที่อันตรายก่อปัญหาสร้างความเสียหายแก่ผู้เสพและสังคม อาการของผู้เสพยา ในระยะแรกที่เสพเข้าร่างกายจะทำให้ร่างกายตื่นตัวสบาย หัวใจเต้นเร็วและแรงไม่รู้สึกง่วงนอน พูดมาก ขยันทำโน่นนี่ตลอดเวลา ทำงานได้นานเกินกว่าปกติ หากไม่ได้เสพจะมีอาการอ่อนเพลียไม่สบาย เฉื่ยชาไม่ยินดียินร้าย กระวนกระวาย นอนไม่ค่อยหลับ แต่กลับกินจุ ซึ่งหากใช้ยาหรือเสพเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดอาการทางจิตหรือหวาดระแวง มีอารมณ์เศร้าเบื่อหน่ายชีวิต ประสาทหลอน คิดทำร้ายตัวเองและคนอื่น นอกจากนี้ผู้เสพมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับอักเสบ ไตไม่ทำงาน โรคเกี่ยวกับปอด และโรคติดเชื้อได้ง่าย ในกรณีที่ใช้ยาในปริมาณมากเกินไปจะไปกดประสาท และระบบการทำงานของการหายใจทำให้หมดสติ และเสียชีวิตได้
สาเหตุของการเสพยาเสพติด
การที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปใช้ยาเสพติดนั้น อาจจะไม่ใช้มาจากสาเหตุเดียว แต่อาจจะเกิดได้จากหลายสาเหตุ จึงขอเสนอสาเหตุสำคัญ ๆ
ที่นำไปสู่การเสพยาเสพติด ดังนี้
1.
ด้านส่วนบุคคล
เนื่องจากสุขภาพร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนมีจิตใจอ่อนแอไม่เข้มแข็งไร้เหตุผล มีอาการป่วยทางจิต
คิดหาทางรักษาโรคนั้นด้วยยาเพื่อให้บรรเทาหายจากโรค จึงพยายามคิดหาทางกำจัดโรคภัยไข้เจ็บนั้น โดยการใช้ยาบางประเภทที่รู้บ้างไม่รู้บ้าง แพทย์แนะนำบ้างคนอื่นแนะนำบ้าง
หรือบางคนมีปัญหาผิดหวังชีวิตและเสียใจไม่สมหวัง ก็จะคิดหาทางออกโดยการเสพดื่มสุรายาเมา เพื่อช่วยในการผ่อนคลาย
หากมีอาการรู้สึกสบายขึ้นก็จะใช้ยานั้นต่อไปอีก อันเป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเสพติดยาได้
2.
ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม แหล่งมั่วสุมเสื่อมโทรม มีการเสพและการค้ายาเสพติด เป็นภัยอันตรายต่อสภาพร่างกายและจิตใจ ทำให้ครอบครัวแตกแยกขาดความอบอุ่น อันจะผลักดันให้หันไปพึ่งยาเสพติด ปัญหาด้านเศรษฐกิจมีรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย รวมทั้งการใช้จ่ายเกินตัว แม้จะทราบว่ายาเสพติดผิดกฎหมาย
แต่เพื่อความอยู่รอดของชีวิตที่ดีขึ้นและต้องการรวยทางลัด จึงยอมไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยทั้งจำหน่ายและเสพ เพื่อความอยู่รอดของชีวิตทางสังคม ในบางอาชีพ
จึงจำเป็นเข้าไปใช้ยา
โดยหวังผลให้สามารถทำงานให้ได้มากขึ้นและมีรายได้ดีขึ้น อาจเป็นเพราะเพื่อน
หรือสื่อโฆษณาที่หลอกลวงชักชวนอยากทดลองเสพยา และเกิดเสพติดไปในที่สุด
3.
ด้านวัฒนธรรม
การเลียนแบบเอาอย่างจากกลุ่มเพื่อนและกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นค่านิยมในกลุ่มประพฤติปฏิบัติเป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่เห็นว่าเป็นสิ่งดีโก้เก๋เป็นที่ยอมรับ การแสดงความเป็นพวกเดียวกันและทันสมัยนิยม อาจนำไปสู่การเสพติดยาได้
วิธีสังเกตผู้ติดยาเสพติด
การเสพติดยาทำให้สุขภาพร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลง เสื่อมโทรม
และทำให้อารมณ์
และพฤติกรรมมีความผิดปกติ
พอที่จะสังเกตลักษณะอาการผู้ติดต่อยาเสพติดได้ ดังนี้
1.
ความผิดปกติทางร่างกาย จะเห็นได้จากการผิดปกติการหายใจ ความดันโลหิต
สุขภาพร่างกายทรุดโทรม ผิวหนังดำคล้ำหยาบกร้าน ชอบใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว
เพื่อปกปิดอำพรางและในแว่นตา
2.
ความผิดปกติทางจิตใจ มีจิตใจแปรปรวนไม่แน่นอน หลงลืมขาดสติไม่รู้สึกตัว เป็นคนเจ้าอารมณ์ หงุดหงิดฉุนเฉียวโกรธง่าย เอาแต่ใจ
ไม่มีเหตุผล
ไม่สนใจสิ่งรอบข้าง
ขาดความั่นใจในตัวเอง
3.
ความผิดปกติด้านพฤติกรรม แสดงอาการก้าวร้าวรุนแรง ขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ ไม่ชอบพบผู้คน ทำตัวลึกลับหลบหน้าเพื่อนฝูง ชอบอยู่ในห้อง ใช้จ่ายเงินอย่างสิ้นเปลืองผิดปกติ มีพฤติกรรมชอบมั่วสุมกับผู้เสพยาเสพติด ทำตัวห่างเหินญาติพี่น้อง เกียจคร้านไม่ชอบทำงาน ชอบนอนตื่นสายผิดปกติ
4.
จากอาการขาดยา
เมื่อไม่ได้เสพยาจะมีอาการผิดปกติไปจากคนธรรมดา หงุดหงิดทุรนทุราย กระสับกระส่าย เหงื่อออกมากผิดปกติ ปวดเมื่อยตามร่างกาย น้ำมูกน้ำตาไหล และมีไข้
เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ควบคุมตัวเองไม่ได้ มีอาการสั่น
ชัก เกร็ง เป็นลมหมดสติและเสียชีวิตได้
ผลกระทบของการติดยาเสพติด
นับว่าเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างร้ายแรง จำนวนผู้ติดยาเสพติดมีมากขึ้น และที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็กลับเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิดไม่ได้มีแต่ยาเสพติดตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว
และมีฤทธิ์เป็นพิษเป็นภัยต่อชีวิตทรัพย์สินสังคมประเทศชาติ
การป้องกันแก้ไขผู้เสพยาเสพติด
ยาเสพติดไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะผู้เสพเท่านั้นยังมีผลกระทบถึงบุคคลรอบข้างด้วย
ผู้ติดยาจะถูกทำลายสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นที่น่ารังเกียจของสังคม และยังส่งผลกระทบต่อคนอื่นและสังคม ทำให้ชุมชนและสังคมไม่น่าอยู่อาศัย การป้องกันและการแก้ปัญหาจึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันป้องกันและแก้ไข ไม่ให้เกิดกับตนเองและสังคม มีแนวทางมากมายแต่พอสรุปได้คือ ตัวบุคคล
ครอบครัว สังคม
โรคเอดส์
โรคติดต่อร้ายแรงถึงชีวิตและมีการแพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว เป็นโรคที่ทุกประเทศทั่วโลกหวาดกลัว แพร่ระบาดโดยไม่รู้ตัวอย่างไม่หยุดยั้ง นับเป็นภัยเงียบ เพราะผู้ที่ได้รับเชื้อเอชไอวีแล้วไม่แสดงอาการของโรคทันที แต่อาการจะค่อย ๆ
ปรากฏเมื่อเวลาผ่านไป
ผู้ที่ติดเชื้ออาจแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ การป้องกันการติดต่อหรือการแพร่เชื้อจึงทำได้ยาก และผู้ที่ติดเชื้อก็มักจะปกปิดไม่แสดงตน
เพราะเกรงว่าจะเป็นที่รังเกียจของคนรอบข้าง ถ้าผู้ป่วยยังมีชีวิตนับได้ว่าเป็นบุคคลที่น่าสงสารอย่างยิ่ง เพราะบางคนถูกทอดทิ้ง ถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือพูดคุยด้วย ได้รับความอับอายเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม
โรคนี้มาการติดเชื้อแบบถาวรไม่สามารถแก้ไขได้ไปตลอดชีวิต ไม่มีการรักษาหรือป้องกันได้อย่างเด็ดขาด
นับได้ว่าเป็นปัญหาสาธารณสุขในเกือบทุกประเทศทั่วโลก
เป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วโลก มีผลกระทบต่อชีวิต เศรษฐกิจ
สังคม และประเทศชาติ
ประวัติความเป็นมาของเอดส์
โรคเอดส์เกิดขึ้นเมื่อไหร่และที่ไหนยังไม่มีหลักฐานเป็นที่แน่ชัดเจน จากการศึกษาพบว่าเชื้อไวรัสที่ทำให้คนเป็นโรคนี้มีแพร่หลายอยู่ในหมู่ลิงสีเขียวแอฟริกา เป็นเชื้อไวรัสมีลักษณะทำลายระบบภูมิคุ้มกันบกพร่องคล้ายกับโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์
จากการศึกษายืนยันว่าได้มีหลักฐานของผู้ติดเชื้อไวรัสเอดส์รายแรกน่าจะเกิดขึ้นที่เกาะไฮติ สำหรับในประเทศไทยได้มีการรายงานผู้ป่วยเอดส์ครั้งแรกในเดือนกันยายน ปีพ.ศ.
2527
การติดต่อแพร่เชื้อของเอดส์
การติดเชื้อไวรัสเอชไอวี
(เอดส์)
ร่างกายมนุษย์ก็จะสร้างแอนติบอดี้ต่อชิ้นส่วนของไวรัส ไม่สามารถทำลายเชื้อเอดส์ให้หมดไปจากร่างกายได้เชื้อไวรัสจะยังคงอยู่ในกระแสเลือด
และขยายพันธ์เพิ่มจำนวนเป็นทวีคูณอย่างรวดเร็วเป็นลักษณะพิเศษของเชื้อไวรัสเอดส์ คือสามารถแบ่งตัวได้รวดเร็วกว่าไวรัสชนิดอื่น
และเมื่อแพร่กระจายเข้าไปในเม็ดเลือดขาวได้มากพอแล้ว ก็จะทำลายเม็ดเลือดขาว
แล้วส่งสัญญาณไปยังระบบภูมิคุ้มกันส่วนอื่น ๆ
ทำให้ภูมิต้านทานเสียหายลดลง
เป็นผลทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโรคชนิดฉวยโอกาสหรือเป็นโรคมะเร็งบางชนิดได้ง่าย
บางคนมีลักษณะพิเศษเมื่อได้รับเชื้อไวรัสเอดส์แล้ว สามารถอยู่ร่วมกับไวรัสนี้ได้โดยไม่มีอาการอะไรมากมาย หรือมีเพียงอาการไข้หวัดธรรมดา
เชื้อไวรัสเอดส์จะอยู่ในกระแสเลือดของผู้ชายและหญิง มีมากที่สุดในเลือด น้ำเหลือง
เนื้อเยื่อต่าง ๆ และรองลงมาก็คือ อสุจิ
ส่วนน้ำลาย เสมหะ หรือน้ำนม
มีปริมาณไวรัสเอชไอวีน้อย สำหรับเหงื่อ ปัสสาวะ
และอุจจาระ
แทบไม่พบไวรัสเอดส์เลย
การติดต่อแพร่เชื้อไวรัสเอดส์ไปยังผู้อื่นได้มีอยู่ 3 ทางใหญ่
ๆ คือ
1.
ทางเพศ
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี
โดยไม่มีการป้องกันหรือไม่ใช้ถุงยางในการร่วมเพศ ก็จะมีการแพร่เชื้อไปยังอีกฝ่ายทันที ส่วนการมีเพศสัมพันธ์โดยวิธีอื่นที่มีน้ำอสุจิ
และของเหลวจากช่องคลอดถือได้ว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีได้เช่นกัน
2.
ทางเลือด
เป็นการเปลี่ยนถ่ายให้เลือดที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวี
การใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีรอยบาดแผลร่วมกัน
โดยไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง
รวมไปถึงการผ่าตัดหรือเนื้อเยื่อที่มีเชื้อไวรัสเอชไอวีก็เป็นหนทางติดต่อรับเชื้อเอชไอวีได้โดยตรง
3.
ทางมารดาสู่ทารก
ลูกติดเชื้อจากแม่ได้เมื่ออยู่ในครรภ์
สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกได้ตั้งแต่ก่อนคลอดหรือหลังคลอด เพราะลูกได้รับอาหารจากแม่ผ่านเส้นโลหิต จึงได้รับเชื้อไวรัสนี้ได้เช่นกัน
เหตุปัจจัยที่เพียงพอต่อการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อเอดส์ มี 3 ประการ คือ
1.
จะต้องได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีในปริมาณมากพอ
2.
เชื้อไวรัสนั้นจะต้องแข็งแรงพอ
3.
มีช่องทางการรับเชื้อไวรัสได้โดยตรง
อาการของผู้ป่วยโรคเอดส์
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเพิ่มขยายจำนวนทำให้เกิดอาการเจ็บปวดมีอาการไข้ต่อมน้ำเหลืองโตหรืออาจมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามร่างกายเหมือนเป็นไข้หวัด อาการส่วนใหญ่ของโรคเอดส์ ก็เหมือนกับโรคทั้งหลายทั่วไป แต่ทว่าอาการของโรคเอดส์หนักรุนแรงกว่าและมีระยะเวลาอาการนานกว่า อาการของผู้ป่วยเอดส์อาจแบ่งออกเป็น 3 ระยะ
ดังนี้
1.
ระยะแรกที่ได้รับเชื้อไม่ปรากฏอาการ
2.
ระยะที่ปรากฏอาการของเอดส์
3.
ระยะโรคเอดส์แสดงอาการเต็มที่
แนวทางป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์
ผู้ที่ได้รับเชื้อส่วนใหญ่จะเสียชีวิต
แต่ปัจจุบันมีการพัฒนาการดูแลรักษาป้องกันเชื้อไวรัสเอดส์ รวมทั้งมีการใช้ยาบรรเทาทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ดังนั้นผู้ป่วยควรไปปรึกษาแพทย์เสียแต่เนิ่น ๆ
เพื่อวางแผนการดำเนินชีวิตต่อไป
การป้องกันแก้ไขการติดเชื้อเอดส์ มีแนวทางที่ควรปฏิบัติดังนี้
1.
ให้ความรู้เรื่องเอดส์
2.
ให้รู้จักวิธีป้องกันแก้ไข
3.
วางมาตรการควบคุมหยับยั้งการติดต่อแพร่เชื้อเอดส์
การป้องกันและแก้ไขโรคเอดส์แบบพุทธ
วิธีการป้องกันแก้ไขปัญหาตามหลักของพระพุทธศาสนา
ก่อนที่จะแก้ปัญหาต้องทราบสาเหตุให้ชัดเจนแน่นอน แล้วแก้สาเหตุให้ตรงประเด็นด้วยวิธีที่ถูกต้องมีเหตุผล หากเป็นสาเหตุทางกายภายนอกก็แก้ด้วยวิธีการทางกายหรือทางสังคม
หากเป็นสาเหตุภายในทางจิตใจก็ต้องแก้ด้วยวิธีการทางจิตใจหรือภายใน โดยทั่วไปคนส่วนใหญ่ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ที่เรื่องเพศสัมพันธ์และทางที่จะติดต่อแพร่เชื้อเอชไอวี ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุจากภายนอกหรือสังคม แต่ในทางพระพุทธศาสนาเห็นว่า สาเหตุสำคัญของทุกปัญหาล้วนเกิดจากภายในคือจิตใจ ต้องป้องกันและแก้ไขที่จิตใจคือตัวเราก่อน
จึงขอเสนอแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ดังนี้
1.
ให้มีปัญญา
2.
ให้มีศีล
3.
ให้มีคุณธรรม
4.
ให้มีกัลยาณมิตร
การใช้หลักธรรมในการแก้และป้องกันการติดต่อแพร่ระบาดของโรคเอดส์นั้น ถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญจำเป็น
โดยเริ่มจากความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเอดส์ และเริ่มจากพ่อแม่ครอบครัว พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี โดยยึดมั่นในศีลธรรมและคุณธรรมดังกล่าว
อันเป็นวัคซีนป้องกันโรคเอดส์ได้เป็นอย่างดีกว่าวัคซีนประเภทอื่น โรคทุกโรคหรือปัญหาทุกปัญหา สามารถแก้ไขรักษาพยาบาลได้ด้วยยาคือธรรมะของพระพุทธองค์หากทุกคนรู้เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น