กล้องวงจรปิด

รูปภาพของฉัน
บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง รับประกันผลงานตลอดอายุการใช้งาน กล้องวงจรปิด รั้วไฟฟ้า สัญญาณกันขโมย สอบถามได้ที่ Line ID : @CctvBangkok.com

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

การรักษาความปลอดภัยในระดับเน็ตเวิร์ค (กล้องวงจรปิด)

การรักษาความปลอดภัยในระดับเน็ตเวิร์คเลเยอร์


                     การเข้ารหัสข้อมูลในเลเยอร์ที่เหนือกว่าระดับเน็ตเวิร์ค  ซึ่งแอพพลิเคชันกล้องวงจรปิดที่ใช้งานโปรโตคอล  

ส่วนใหญ่จะเป็นแอพพลิเคชันที่พัฒนาขึ้นมาพิเศษเพื่อรองรับโปรโตคอลเหล่านั้นด้วย  จึงจะสามารถปกป้องข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่ายได้  

ถ้ามีการเข้ารหัสข้อมูลในระดับที่ต่ำลงมาแอพพลิเคชันต่าง  ๆ  ก็ไม่จำเป็นต้องออกแบบพิเศษเพื่อรองรับโปรโตคอลที่ให้บริการการรักษาความปลอดภัยข้อมูล  

โปรโตคอลที่มีการรักษาความปลอดภัยในระดับเครือข่าย เช่น VPN  ซึ่งเป็นโปรโตคอลย่อยที่นิยมนั่นเอง

Wireless LAN Security


วัตถุประสงค์

- รู้และข้าใจมาตรฐาน Wireless LAN

- รู้และเข้าใจการพิสูจน์ทราบตัวตนของ Wireless LAN

- รู้และเข้าใจมาตรฐาน IEEE 802.11i และ IEEE 802.1X

- รู้และเข้าใจการเข้ารหัสข้อมูลแบบ WEP, WPA, WPA2

- รู้และเข้าใจเครื่องมือต่าง  ๆ  ที่ใช้กับ Wireless LAN




สินค้าแนะนำ  :    รั้วไฟฟ้ากันขโมย     สัญญาณกันขโมยไร้สาย    กล้องวงจรปิด


มาตารฐานไวร์เลสแลน


มาตรฐานนี้จะรองรับแบนด์วิธแต่ข้อจำกัดของมาตรฐานนี้คือ  ความถี่  เนื่องจากมาตรฐานนี้ใช้ความถี่ที่ 5 GHz   ซึ่งบางประเภทนั้นต้องขออนุญาตก่อนถึงจะใช้งานได้  IEEE  

จึงได้ตั้งทีมงานขึ้นมาอีกหนึ่งกลุ่มเพื่อพัฒนามาตรฐานอีกมาตรฐานหนึ่งคือ IEEE 802.11g  ซึ่งใช้ความถี่ 2.4 GHz  และสามารถรองรับแบด์วิธได้ถึง 54 Mbps

การพิสูจน์ทราบตัวตนของไวร์เลสแลน


                      มาตรฐานการพิสูจน์ทราบตัวตน  IEEE 802.11   คือ การพิสูจน์ทราบตัวตนของเครื่องไคลเอนต์หรืออุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย  

ไม่ใช่การพิสูจน์ทราบตัวตนของผู้ใช้   มาตรฐานแล้วมีการพิสูจน์ทราบตัวตนอยู่  2  วิธีคือ  การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบเปิด  

และการพิสูจน์ทราบตัวตนแบบใช้แชร์คีย์  การพิสูจน์ทราบตัวตนของไคลเอนต์  มีขั้นตอนดังนี้

- ไคลเอนต์ทำการบรอดคาสต์การร้องขอเพื่อขอเชื่อมต่อไปทุกช่องสัญญาณ

- แอ็กเซสพอยต์ที่อยู่ในพื้นที่ตอบกลับการร้องขอของไคลเอนต์

- ไคลเอนต์พิจารณาว่าแอ็กเซสพอยต์ไหนดีที่สุด  และส่งการร้องขอเพื่อพิสูจน์ทราบตัวตน

- ถ้าการพิสูจน์ทราบตัวตนสำเร็จ  ไคลเอนต์ก็จะส่งข้อมูลที่เหลือกลับให้แอ็กเซสพอยต์

- แอ็กเซสพอยต์ตอบกลับการได้รับข้อมูลที่เหลือ

- หลังจากนี้ไคลเอนต์ก็พร้อมที่จะรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย

การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบเปิด


ขั้นตอนนั้นค่อนข้างง่ายเพราะแอ็กเซสพอยต์จะอนุญาตให้เชื่อมต่อกับทุก ๆ การร้องขอ  อาจดูเหมือนว่าไม่มีประโยชน์เลยแต่ก็ได้กำหนดไว้ในมาตรฐาน 802.11  ซึ่งกำหนดให้เป็นแบบคอนเน็กซันโอเรียนเต็ล

การออกแบบนี้ก็เพื่อให้ใช้งานง่ายและสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว  อุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน 802.11  

ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ประเภทมือถือ  ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้มีซีพียูที่มีประสิทธิภาพต่ำ  และไม่สามารถรองรับอัลกอริทึมสำหรับการพิสูจน์ทราบตัวตนที่ซับซ้อนได้  






การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบเปิดนั้น  จะมีการรับส่งเฟรมข้อมูลอยู่สองประเภทคือ

- เฟรมการร้องขอการเชื่อมต่อ

- เฟรมการตอบกลับการร้องขอ

                     การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบเปิดนั้นอนุญาตให้ทุก  ๆ  ไคลเอนต์เชื่อมต่อเครือข่ายได้  ถ้าไม่มีการใช้การเข้ารหัสข้อมูล  

ทุก ๆ เครื่องไคลเอนต์ที่ทราบหมายเลข SSID ก็สามารถเข้าถึงเครือข่ายได้  ถ้าใช้ WEP  ในการเข้ารหัสข้อมูลคีย์ที่ใช้กับ WEP 

ก็ใช้สำหรับการพิสูจน์ทราบตัวตน  แม้ว่าการพิสูจน์ทราบตัวตนของเครื่องไคลเอนต์ในตอนต้นจะผ่าน

แต่ถ้าเครื่องไคลเอนต์ไม่มี WEP คีย์ก็จะไม่สามารถรับส่งข้อมูลกับแอ็กเซสพอยต์ได้  เนื่องจากไคลเอนต์ไม่สามารถถอดรหัสข้อมูลที่ได้รับจากตัวแอ็กเซสพอยต์ได้  

การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบเปิดนี้  จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าไคลเอนต์เป็นใคร  และถ้าไม่มีการใช้ WEP แล้ววิธีนี้เป็นช่องโหว่ที่อันตรายของไวร์เลสแลน  

ถ้าเลือกที่จะใช้วิธีนี้ก็ควรใช้ WEP ควบคู่ไปด้วย  แต่ถ้าไม่สามารถใช้ WEP ได้ เช่น เครือข่ายสาธารณะ  ก็ควรใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยในเลเยอร์ที่สูงว่า

การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบแชร์คีย์


วิธีที่กำหนดในมาตรฐาน IEEE 802.11  วิธีนี้ไคลเอนต์จะต้องกำหนดคีย์ WEP แบบตายตัวในทุก ๆ เครื่อง  มีขั้นตอนการพิสูจน์ทราบตัวตนดังนี้

- ไคลเอนต์ส่งการร้องขอไปยังแอ็กเซสพอยต์  และระบว่าต้องการใช้การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบแชร์คีย์

- แอ็กเซสพอยต์ตอบกลับการร้องขอพร้อมกับชาลเลนจ์เท็กซ์ซึ่งเป็นข้อความแบบสุ่ม

- ไคลเอนต์ได้ชาลเลนจ์เท็กซ์แล้วเข้ารหัสด้วย WEP  คีย์ที่กำหนดไว้ก่อนหน้าแล้วส่งข้อความนี้กลับไปให้กับแอ็กเซสพอยต์

- ถ้าแอ็กเซสพอยต์สามารถถอดรหัสข้อความ  และเปรียบเทียบกับชาลเลนจ์เท็กซ์เดิมแล้วตรงกัน  แอ็กเซสพอยต์ก็จะส่งการอนุญาตให้เชื่อมต่อเครือข่ายได้กลับไปยังไคลเอนต์



                    การพิสูจน์ทราบตัวตนแบบแชร์คีย์จะใช้ WEP คีย์ในการเข้ารหัสชาลเลนจ์เท็กซ์ที่ส่งจากแอ็กเซสพอยต์ไปให้ไคลเอนต์  




คีย์นี้จะกำหนดให้แต่ละไคลเอนต์ก่อนหน้าที่จะมีการเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายแอ็กเซสพอยต์จะพิสูจน์ทราบตัวตนของไคลเอนต์ 

 การถอดรหัสชาลเลนจ์เท็กซ์ที่ส่งกับมาจากไคลเอนต์และเปรียบเทียบกับชาลเลนจ์เท็กซ์ที่ส่งให้ไคลเอนต์ในตอนแรก

กระบวนการแลกเปลี่ยนชาลเลนจ์เท็กซ์นั้นมีการส่งงผ่านอากาศเป็นจุดอ่อนที่อาจถูกโจมตีแบบแมนอินเดอะมิดเดิล  

จากผู้แอบดักอ่านสามารถดักจับชาลเลนจ์เท็กซ์ทั้งที่ยังไม่เข้ารหัสและที่เข้ารหัสแล้ว  ข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์หา WEP 

คีย์ได้ไม่ยากนัก  การเข้ารหัสโดย WEP นั้นทำโดยการทำ XOR ระหว่างเพลนเท็กซ์และคีย์  จะได้เป็นไซเฟอร์เท็กซ์  การคำนวณหา WEP คีย์นั้นทำได้โดยการ XOR ระหว่างเพลนเท็กซ์และไซเฟอร์เท็กซ์

ถ้าผู้บุกรุกต้องการที่จะทราบ WEP คีย์ก็ใช้โปรโตคอลอะนาไลเซอร์ในการแอบดักฟังการสื่อสารในช่วงการพิสูจน์ทราบตัวตนนี้ก็ได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น