การเข้ารหัสข้อมูล
เมื่อรวมอัลกอริทึมสำหรับการแลกเปลี่ยนคีย์ การเข้ารหัสข้อมูลและแฮชฟังก์ชัน รวมเรียกว่า ไซเฟอร์สูท โดยชื่อสูทนั้นจะขึ้นต้นด้วย SSL
ตามด้วยชื่ออัลกอริทึมในการแลกเปลี่ยนคีย์ แล้วตามด้วยคำว่า WITH และอัลกอริทึมในการเข้ารหัสข้อมูลและแฮชฟังก์ชันตามลำดับ
สินค้าแนะนำ : รั้วไฟฟ้า สัญญาณกันขโมย กล้องวงจรปิด
อัลกอริทึมสำหรับการแลกเปลี่ยนคีย์
ก่อนจะมีการรับส่งข้อมูลอย่างปลอดภัย ข้อมูลจำเป็นต้องมีการเข้ารหัส ก่อนที่จะเข้ารหัสข้อมูลได้ก็ต้องมีคีย์ที่ใช้ร่วมกันทั้งการเข้าและถอดรหัส
อัลกอริทึมที่ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนของ SSL มี 6 ประเภทดังนี้
- NULL ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งถึงกันจึงไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนคีย์
- RSA การเเลกเปลี่ยนคีย์แบบนี้ฝั่งเซิร์ฟเวอร์จะต้องส่งเซอร์ติฟิเกต ซึ่งจะมีพับลิกคีย์ตัวเองอยู่ในข้อความแรก
- NULL ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลที่รับส่งถึงกันจึงไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนคีย์
- RSA การเเลกเปลี่ยนคีย์แบบนี้ฝั่งเซิร์ฟเวอร์จะต้องส่งเซอร์ติฟิเกต ซึ่งจะมีพับลิกคีย์ตัวเองอยู่ในข้อความแรก
สำหรับข้อความถัดมานั้นจะไม่มีการส่ง เนื่องจากซีเคร็ทคีย์ที่จะใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลนั้นไคลเอนต์จะส่งมาให้ในขั้นตอนที่ 3
โดยการเข้ารหัสด้วยพับลิกคีย์ของเซิร์ฟเวอร์นั้นเอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ทราบตัวจริงของฝั่งเซิร์ฟเวอร์
- Anonymous DH การแลกเปลี่ยนคีย์แบบนี้จะไม่มีการส่งใบเซอร์ติฟิเกต แต่จะส่งพารามิเตอร์และคีย์ที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยนถ้าเลือกวิธีนร้ทั้วเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์จะไม่ได้พิสูจน์ทราบตัวจริงของกันและกันได้
- Ephemeral DH วิธีนี้เซิร์ฟเวอร์จะส่งใบเซอร์ติฟิเกตที่มีลายเซ็นดิจิตอลแบบRSA โดยเซิร์ฟเวอร์ไพรเวทคีย์ของตัวเอง
- Anonymous DH การแลกเปลี่ยนคีย์แบบนี้จะไม่มีการส่งใบเซอร์ติฟิเกต แต่จะส่งพารามิเตอร์และคีย์ที่จะใช้ในการแลกเปลี่ยนถ้าเลือกวิธีนร้ทั้วเซิร์ฟเวอร์และไคลเอนต์จะไม่ได้พิสูจน์ทราบตัวจริงของกันและกันได้
- Ephemeral DH วิธีนี้เซิร์ฟเวอร์จะส่งใบเซอร์ติฟิเกตที่มีลายเซ็นดิจิตอลแบบRSA โดยเซิร์ฟเวอร์ไพรเวทคีย์ของตัวเอง
ส่วนฝั่งไคลเอนต์ก็จะใช้พับลิกคีย์ของเซิร์ฟเวอร์ในการพิสูจน์ทราบลายเซ็นของเซิร์ฟเวอร์ ข้อความถัดมานั้นเซิร์ฟเวอร์ก็จะส่งพารามิเตอร์
ของอัลกอริทึมทีจะใช้ในการคำนวณซีเคร็ทคีย์ การเลือกวิธีนี้จะทำให้ไคลเอนต์สามารถพิสูจน์ทราบตัวตนของเซิร์ฟเวอร์ได้
- Fixed DH วิธีนี้เซิร์ฟเวอร์จะส่งใบเซอร์ติฟิเกตที่มีลายเซ็นดิจิตอลแบบ RSA และในข้อความแรกนี้ก็จะส่งฮาล์ฟคีย์ที่จะใช้ใน DH ด้วย
- Fixed DH วิธีนี้เซิร์ฟเวอร์จะส่งใบเซอร์ติฟิเกตที่มีลายเซ็นดิจิตอลแบบ RSA และในข้อความแรกนี้ก็จะส่งฮาล์ฟคีย์ที่จะใช้ใน DH ด้วย
ส่วนข้อความที่สองนั้นไม่ต้องส่ง วิธีนี้ไคลเอนต์สามารถพิสูจน์ทราบตัวจริงของ CA และ CA ก็รับรองว่าฮาล์ฟคีย์ที่ใช้นั้นเป็นของเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งทำให้ไคลเอนต์เชื่อได้ว่าเซิร์ฟเวอร์นั้นเป็นตัวจริงเช่นกัน
- Fortezza เป็นชื่อ NSA ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่พัฒนาสำหรับใช้ทางด้านการทหาร และเป็นโปรโตคอลที่ซับซ้อนมาก
อัลกอริทึมสำหรับการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ใน SSL มีหลากหลายให้เลือก ซึ่งสามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
- NULL เป็นกลุ่มที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลนั่นเอง
- Stream Cipher การเข้ารหัสข้อมูลแบบสตรีมไซเฟอร์ที่ใช้ใน SSL มีอยู่แบบเดียวคือ RC4 แต่มีขนาดคีย์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 40 บิต และ 128 บิต
- Block Cipher สำหรับการเข้ารหัสข้อมูลแบบล็อคนั้น มีหลายแบบให้เลือกคือ RC2 CBC 40, DES40 CBC,DES CBC, 3DES EDE CBC, IDEA CBC, FORTEZZA CBC
- Fortezza เป็นชื่อ NSA ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่พัฒนาสำหรับใช้ทางด้านการทหาร และเป็นโปรโตคอลที่ซับซ้อนมาก
อัลกอริทึมสำหรับการเข้ารหัสข้อมูล
อัลกอริทึมสำหรับการเข้ารหัสข้อมูลที่ใช้ใน SSL มีหลากหลายให้เลือก ซึ่งสามารถแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้ดังนี้
- NULL เป็นกลุ่มที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลนั่นเอง
- Stream Cipher การเข้ารหัสข้อมูลแบบสตรีมไซเฟอร์ที่ใช้ใน SSL มีอยู่แบบเดียวคือ RC4 แต่มีขนาดคีย์ให้เลือก 2 ขนาด คือ 40 บิต และ 128 บิต
- Block Cipher สำหรับการเข้ารหัสข้อมูลแบบล็อคนั้น มีหลายแบบให้เลือกคือ RC2 CBC 40, DES40 CBC,DES CBC, 3DES EDE CBC, IDEA CBC, FORTEZZA CBC
แฮชฟังก์ชัน
SSL ใช้แฮชฟังก์ชันสำหรับการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและการพิสูจน์ทราบตัวจริงรูปแบบแฮชฟังก์ชันที่เลือกใช้ได้มี 3 แบบคือ
- NULL ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะไม่ใช้แฮชฟังก์ชัน ซึ่งก็จะไม่สามารถพิสูจน์ทราบตัวจริงได้
- MDS เป็นแฮชฟังก์ชันที่ให้ค่าเมสเสจไดเจสต์ขนาด 128บิต
- SHA-1 เป็นแฮชฟังก์ชันที่เลือกใช้ได้ โดยจะให้เสมเสจไดเจสต์ขนาด 160 บิต
TLS
เป็นมาตรฐานของ IETF ที่ลอกเลียนแบบ SSL ทำให้ทั้งสองโปรโตคอลมีความคล้ายกันมาก แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนที่แตกต่างกันดังนี้
- Version ส่วนแรกที่แตกต่างหมายเลขเวอร์ชัน ปัจจุบันของ SSL คือ 3.0 ส่วนปัจจุบันของTLS คือ 1.0
- Cipher Suite ส่วนที่แตกต่างกันคือ TLS จะไม่รองรับการเข้ารหัสและการแลกเปลี่ยนคีย์แบบ Fortezza
- การสร้างคีย์ TLS จะมีขั้นตอนในการสร้างคีย์ที่ยุ่งยากซับซ้อนมากกว่าของ SSL
- Handshake Protocol ในส่วนของแฮนด์เชคโปรโตคอลนั้น TLS ได้เปลี่ยนแปลงบางอย่างโดยเฉพาะในขั้นตอน CertificateVerifyและ Finished
- Record Protocol ในส่วนของเร็คคอร์ดโปรโตคอลนั้นจะเปลี่ยนมาใช้ HMAC สำหรับการเซ็นชื่อในข้อความที่ส่ง
ต้องการติดตั้งกล้องวงจรปิด >>>บริษัท มีเดีย เสิร์ซ จำกัด โทร.02-8883507-8, 081-700-4715
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น