ประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพรับพลังงานแสงอาทิตย์ในเกณฑ์ที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในการรับแสงประเทศไทยสามารถรับแสงอาทิตย์ตลอดทั้งปี
โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยจะได้รับพลังงานแสงอาทิตย์เฉลี่ยวันละ 4.7
- 5.5 กิโลวัตต์/ชั่วโมง/ตารางเมตร
โดยทั่วไปศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์จะสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ตกกระทบ ที่เรียกว่า
“ค่าความเข้มรังสีดวงอาทิตย์”
ที่มีหน่วยพลังงานเป็นเมกะจูล/ตารางเมตร
ผลจากมุมตกกระทบของแสงอาทิตย์
จะเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น
สำหรับการเปลี่ยนแปลงตามพื้นที่เป็นผลมาจากสภาพทางอุตุนิยมวิทยา โดยมีเมฆเป็นตัวแปรที่สำคัญ จากข้อมูลดาวเทียมประกอบการตรวจวัดภาคพื้นดินของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานพบว่า
บริเวณที่มีศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์สูงแผ่เป็นบริเวณกว้างทางตอนล่างของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุดร รวมทั้งบางส่วนของทางภาคกลาง เมื่อทำการเฉลี่ยความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ทั่วประเทศจากทุกพื้นที่ค่ารายวันเฉลี่ยต่อปีจะได้เท่ากับ 18.0
เมกะจูล/ตารางเมตร/วัน
จะเห็นได้ว่าประเทศไทยมีศักยภาพพลังงานแสงอาทิตย์ค่อนข้างสูง
นโยบายการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากพลังงาน “แสงอาทิตย์”
แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศฉบับปรับปรุงใหม่ เป็นแผนระยะยาว 22 ปี
มีแนวทางในการพัฒนาตามแผนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และการเตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ให้สอดคล้องกับแนวโน้มทิศทางพลังงานโลก ของทบวงพลังงาน
โดยให้คำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและให้ความสำคัญเรื่องการผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศ
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งสิ้น 35,000 เมกะวัตต์
ซึ่งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่จะใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก รองลงมาเป็นถ่านหิน พลังงานน้ำ
และพลังงานทดแทน
โดยในอนาคตรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนการนำพลังงานทดแทนมาใช้ผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าของประเทศ
รายละเอียดการสนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็นทางเลือกที่สดใส
ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกได้กำหนดให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและทางเลือก
ได้มีการตั้งเป้าผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ไว้ที่ 3,800 เมกะวัตต์
ประกอบไปด้วย
-
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน
-
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา
-
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์การเกษตร
พัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน
ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รุ่นบุกเบิกที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลที่มองเห็นเป็นรูปธรรมที่สุด ต่อมาได้มีนโยบายส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา โดยแบ่งเป็นบ้านอยู่อาศัย และอาคารธุรกิจ/โรงงาน
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เจ้าของอาคารที่พักอาศัย / โรงงาน ได้เป็นเจ้าของโรงผลิตไฟฟ้าด้วยตนเอง และเพื่อนำมาใช้ทดแทนพลังงานไฟฟ้าประเภท Peaking Plant ซึ่งจะช่วยลดการลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าของภาครัฐและยังช่วยลดการใช้ไฟฟ้าสูงสุดระหว่างวันอีกด้วย กพช.
ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการรับซื้อไฟฟ้าจาก “โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชุมชน” และต่อมา
กพช. ได้มีมติให้ปรับเปลี่ยนการดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งในพื้นที่ชุมชน เป็นโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรการเกษตร
ทิศทางการสนับสนุนอัตรารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของประเทศไทย ในส่วนของราคาการรับซื้อไฟฟ้าได้มีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง
และมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) ศึกษาเปลี่ยนรูปแบบการสนับสนุนจาก Adder เป็น
Feed – in Tariff
Feed – in Tariff หรือ FiT
มาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ
เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดย
FiT
จะอยู่ในรูปแบบอัตรารับซื้อไฟฟ้าคงที่ตลอดอายุโครงการ โดยไม่เปลี่ยนแปลงตามค่าไฟฟ้าฐานและค่า Ft จะมีราคาที่ชัดเจนและเกิดความเป็นธรรม และจะสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยมีระยะเวลาสนับสนุนตามแต่ละประเภทเทคโนโลยี และกระทรวงพลังงานจะมีการทบทวนต้นทุน และปรับปรุงอัตรา FiT
ให้ทันสมัยสอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น