การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
พลังงานแสงอาทิตย์ เราถือว่าเป็นพลังงานสะอาดที่จัดว่าเป็นพลังงานทดแทนอีกรูปแบบหนึ่งและจัดว่าเป็นพลังงานอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความมั่นคงในระยะยาวและใช้ได้อย่างไม่มีวันหมดและยังปราศจากปัญหาด้านมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และในปัจจุบันยังมีการนำพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้ามีเทคโนโลยีที่ใช้กันอยู่ประเภทหลักๆ อยู่ 2 ประเภทดังนี้
ประเภทของโรงงานผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์
1.
โรงผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell)
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
(Sunlight)
โดยตรง โดยการสิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นมาทางอิเล็กทรอนิกส์สร้างจากสารที่เป็นกึ่งตัวนำที่เรียกว่า “เซลล์แสงอาทิตย์” โดยแบ่งเป็นประเภทซิลิคอน และไม่ใช่ซิลิคอน
ซึ่งในปัจจุบันเซลล์แสงอาทิตย์ที่สร้างจากสารกึ่งตัวนำซิลิคอนนั้นนำมาใช้เป็นตัวหลักในการผลิตไฟฟ้า
ในประเทศไทย “โซลาร์เซลล์” ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการผลิตไฟฟ้าแบ่งได้เป็น 3 ระบบ
คือ
-
On – Grid
System หรือ Grid Connected
ระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ทำงานโดยมีการเชื่อมต่อไฟฟ้าที่ผลิตได้กับสายส่งของการไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง โดยยังแบ่งประเภทการผลิตไฟฟ้าได้อีก คือ
การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนพื้นดิน (Solar
Farm) และแบบที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar
Rooftop)
-
Off – Grid
System คือ
การผลิตระบบไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ไม่ได้มีการเชื่อมต่อกับสายส่งเพื่อจำหน่ายกับการไฟฟ้า
แต่เป็นการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้งานเองโดยผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์จะสามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้เองภายในบ้านพักอาศัย หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่ระบบไฟฟ้าเข้าไปไม่ถึง เช่น
ในป่า เกาะ ภูเขา
ในประเทศไทย เช่น เกาะตะรุเตา
อทุยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง เป็ฯต้น
-
แบบ Hybrid
System เป็นการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์และร่วมกับแหล่งกำเนิดพลังงานอย่างอื่นอีก เช่น
กังหันลม กังหันน้ำ เครื่องยนต์
เป็นต้น
2.
โรงงานความร้อนแสงอาทิตย์ (Solar Thermal)
การผลิตไฟฟ้าที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ ซึ่งการผลิตในรูปแบบนี้ใช้อุปกรณ์รับแสง เช่น
กระจกหรือวัสดุสะท้อนแสงและหมุนตามแสงอาทิตย์เพื่อรวบรวมความร้อนไว้ที่จุดเดียวกัน และส่งผ่านไปยังตัวกลาง เช่น
น้ำหรือน้ำมัน
แล้วนำไปหมุนกังหันหรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในการผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป
ในประเทศไทยนั้นถ้าดูจากความเหมาะสมแล้ว
การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะมีความหวังมากกว่าการผลิตจากความร้อนจากแสงอาทิตย์
เพราะในบ้านเราส่วนใหญ่เป็นรังสีกระจายและมีเมฆผสมมากซึ่งการผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนจากแสงอาทิตย์นั้นต้องใช้รังสีตรงในการผลิตเท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่พบทางแถบทะเลทรายจึงไม่เหมาะกับบ้านเรา
ข้อดี ข้อจำกัดของโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
ข้อดี
1.
เป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่ไม่ต้องซื้อได้จากธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด ใช้ได้ไม่มีวันหมด ไม่มีค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง
2.
ในขณะที่ใช้งานไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อไหวทำให้ไม่เกิดมลภาวะทางเสียง
3.
ในการผลิตไฟฟ้าไม่ก่อให้เกิดมลภาวะที่เป็นพิษ
4.
ใช้งานแบบอัตโนมัติได้ง่ายและมีการบำรุงรักษาน้อย
5.
การผลิตไฟฟ้าแบบนี้ผลิตได้ทั่วทุกพื้นที่ แม้แต่บนเกาะเล็ก ๆ
บนยอดเขา เป็นต้น
6.
ได้พลังงานไฟฟ้าโดยตรงและมีการแปลงกระแสไฟฟ้าที่นำมาใช้ได้สะดวกที่สุด
7.
สามารถนำไปใช้ในแหล่งที่ไม่มีไฟฟ้า และอยู่ห่างไกลจากระบบสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า
ข้อจำกัด
1.
พื้นที่ที่ใช้ต้องเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ในการติดตั้งแผงรับแสงอาทิตย์เพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า
2.
แหล่งกำเนิดพลังงานแสงอาทิตย์มีเวลาจำกัดไม่สามารถผลิตได้ตลอด 24 ชั่วโมง
3.
ระบบต้องมีแหล่งเก็บสะสมพลังงานหากต้องการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางคืน เช่น
แบตเตอรี่ เป็นต้น
4.
เทคโนโลยีต่าง ๆ
ยังต้องมีการนำเข้า
ยังไม่มีความคุ้มค้าในการเป็นผู้ผลิตต้นน้ำ
5.
การผลิตไฟฟ้าขึ้นกับสภาพภูมิอากาศ และไม่มีเสถียรภาพขึ้นอยู่กับแสงอาทิตย์ในเวลานั้น ๆ
กระบวนการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์
1.
แสงซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และมีพลังงานตกกระทบมาที่แผ่นโซลาร์เซลล์
2.
แผ่นโซลาร์เซลล์จะรับพลังงานโฟตอนจากแสงอาทิตย์เกิดเป็นอนุภาคประจุไฟฟ้าลบ และเสมือนบวก
ขึ้นมา
3.
อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าลบและเสมือนบวกที่เกิดขึ้นจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกัน
4.
ซึ่งการเคลื่อนที่ของอนุภาคทั้งสองนี้ จะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น
ซึ่งไฟฟ้าที่เกิดจากเซลล์แสงอาทิตย์จะเป็นไฟฟ้ากระแสตรง
ชนิดของเซลล์แสงอาทิตย์
เซลล์แสงอาทิตย์ที่มีการใช้งานในปัจจุบันแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม
ดังนี้
1.
แบบผลึก (Crystalline Silicon)
-
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกเดี่ยวซิลิคอน เป็นชนิดที่ได้รับการพัฒนามาเป็นเวลานาน ผลิตจากแผ่นเวเฟอร์ชนิดผลึกเดี่ยว มีความหนาประมาณ 150 – 200 ไมครอน มีประสิทธิภาพในการพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า ข้อเสียคือมีราคาสูง
-
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึกรวมซิลิคอน
เป็นเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดที่มีการใช้งานมากที่สุดในปัจจุบัน ผลิตจากแผ่นเวเฟอร์ชนิดรวมผลึก มีความหนาเท่าชนิดผลึกเดี่ยว มีราคาปานกลาง
2.
เซลล์แสงอาทิตย์แบบฟิล์มบาง (Thin Film solar
Cell)
-
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดฟิล์มบางอะมอร์ฟัสซิลิคอน มีลักษณะเป็นฟิล์มบางไม่เกิน 3.0 ไมครอน
สามารถพบเห็นได้รอบ ๆ ตัวเรา เช่น
ใช้เป็นแหล่งพลังงานในเครื่องคิดเลข
หรือนาฬิกา มีความบางเบา และราคาถูก
-
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดฟิล์มบางแคดเนียมเทลลูไรด์
ทำจากแคดเนียมเทลลูไรด์เป็นชั้นของสารกึ่งตัวนำเพื่อดูดกลืนและแปลงแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้า มีลักษณะเป็นฟิล์มบางขนาดไม่เกิน 3.0 ไมครอน
ข้อเสียของเซลล์ชนิดนี้คือมีสารประกอบซึ่งเป็นสารพิษและเป็นโลหะที่หายากมากทำให้ยังไม่เป็นที่ยอมรับกับการใช้งานของเซลล์ชนิดนี้
-
เซลล์แสงอาทิตย์ชนิดฟิล์มบางคอปเปอร์อินเดียแกลเลียมเซเลไนด์
เป็นชั้นของสารกึ่งตัวนำเพื่อดูดกลืนและแปลงแสงอาทิตย์ให้เป็นไฟฟ้า มีลักษณะเป็นฟิล์มบางไม่เกิน 3.0 ไมครอน
3.
แบบแกลเลียมอาเซไนด์ (Gallium Arsenide
Solar Cell)
เป็นเซลล์แสงอาทิตย์ชนิดผลึก
มีประสิทธิภาพสูงประมาณ 30%
แต่มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับประเภทซิลิคอน จึงไม่นิยมนำมาใช้งานทั่วไป
แต่นิยมใช้ในงานที่ต้องการประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าสูงในพื้นที่จำกัด เช่น
ในยานอวกาศหรือดาวเทียม
ส่วนประกอบของแผงโซลาร์เซลล์
การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
อุปกรณ์ที่มีความสำคัญรองลงมาจากเซลล์แสงอาทิตย์ก็คือ “แผงโซลาร์เซลล์”
เพราะแรงเคลื่อนไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากเซลล์แสงอาทิตย์เพียงเซลล์เดียวนั้นต่ำมาก ต้องนำมาต่อกันแบบอนุกรมเพื่อเพิ่มค่าแรงเคลื่อนไฟฟ้าให้สูงขึ้นและการทำเซลล์แสงอาทิตย์ให้เป็นแผงก็เพื่อความสะดวกในการนำไปใช้งาน
ในการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ยังต้องพึ่งพาอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มีความสมบูรณ์ในกระบวนการทำงาน เราเรียกว่า
“ Solar System ”
โดยอุปกรณ์ที่ใช้นี้แบ่งเป็นระบบ On
– Grid และ
Off – Grid
ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก ดังนี้
ระบบ On – Grid System
-
แผงโซลาร์เซลล์
ทำหน้าที่หลักในการรับแสงจากดวงอาทิตย์มาผลิตกระแสไฟฟ้า เมื่อแสงกระทบกับแผงแล้วจะเกิดการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ได้เป็นกระแสตรง
-
อินเวอร์เตอร์
มีหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าจากไฟฟ้ากระแสตรง
เป็นไฟฟ้ากระแสสลับ
เนื่องจากระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่ใช้ตามบ้านเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้งานได้โดยตรง
-
หม้อแปลงไฟฟ้า หลังจากที่มีการแปลงไฟฟ้าจากกระแสตรงเป็นกระแสสลับแล้วจากเครื่องอินเวอร์เตอร์ กระแสไฟฟ้าจะถูกส่งเข้าหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นระบบไฟฟ้าแรงสูง และจำหน่ายเข้าระบบของการไฟฟ้าต่อไป
ระบบ Off – Grid System
โดยส่วนประกอบหลักจะเหมือนกับ
On – Grid คือมีแผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์
ที่มีความจำเป็นในการแปลงกระแสไฟฟ้า
และมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีกที่จำเป็นดังนี้
-
อุปกรณ์ควบคุมการประจุแบตเตอรี่ (Baterry Charge
Controller) ทำหน้าที่ประจุกระแสไฟฟ้าที่ได้จากแผงโซลาร์เซลล์เข้าสู่แบตเตอรี่และควบคุมให้มีปริมาณที่เหมาะสมกับแบตเตอรี่ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่
รวมถึงควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ด้วย เมื่อประจุกระแสไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่เต็มแล้ว
ก็จะหยุดหรือลดการประจุกระแสไฟฟ้า
ระบบพลังงานแสงอาทิตย์จะใช้เครื่องควบคุมการประจุกระแสไฟฟ้าในกรณีที่มีการเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่เท่านั้น
-
แบตเตอรี่ ทำหน้าที่เก็บพลังงานที่ผลิตได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์และนำพลังงานนั้นมาใช้ในบางช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น
ในเวลากลางคืนหรือในช่วงเวลาที่พลังงานแสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ แบตเตอรี่ที่ใช้ควรเป็นแบบชนิดดีฟไซเคิล หรือแบบสเตชั่นเนอรี่
ที่ถูกออกแบบให้มีความเหมาะสมและทนทานต่อการใช้งานมากกว่าแบตเตอรี่แบบทั่วไป
ตัวแปรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าของโซลาร์เซลล์
-
ความเข้มของแสง ที่ตกกระทบแผงโซลาร์เซลล์จะมีผลต่อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ เช่น ถ้าความเข้มของแสงอาทิตย์สูงในตอนกลางวันก็จะทำให้กระแสไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ก็จะสูงขึ้นและในขณะที่แรงดันไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งถ้าเป็นเวลาในช่วงเย็นหรือในช่วงที่มีเมฆมากความเข้มของแสงก็ลดลงส่งผลให้กระแสไฟฟ้าและแรงดันไฟฟ้าที่ได้จากโซลาร์เซลล์ก็จะลดน้อยลงไปด้วย
-
อุณหภูมิ มีผลต่อกำลังไฟฟ้าที่ผลิตเช่นกัน ทั่วไปค่ามาตรฐานอุณหภูมิของแผงโซลาร์เซลล์
คือ 25 องศาเซลเซียส
แต่ในความเป็นจริงเมื่อแผงมีการใช้งานอุณหภูมิจะสูงขึ้น
ซึ่งจะส่งผลให้แรงดันไฟฟ้าที่ได้ลดลงอย่างมาก แม้ว่าค่ากระแสไฟฟ้าที่ได้จากแผงนั้นจะเพิ่มขึ้น
แต่การลดลงของแรงดันไฟฟ้าจะมีอิทธิพลมากกว่า
ซึ่งการลดลงของแรงดันไฟฟ้าเมื่อมีอุณหภูมิสูงขึ้นเป็นคุณสมบัติทั่วไปของสารกึ่งตัวนำทำให้เมื่อมีการใช้งานของแผงจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีสภาพอากาศที่ร้อน ค่ากำลังไฟฟ้าของแผงที่ได้จะลดลง สรุปได้ว่าเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น แรงดันไฟฟ้าก็จะลดลง
ซึ่งมีผลทำให้กำลังไฟฟ้าสูงสุดของแผงโซลาร์เซลล์ลดลงด้วย
รู้จัก Solar Thermal
โรงผลิตไฟฟ้าความร้อนแสงอาทิตย์ด้วยระบบการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ โดยมีการทำงานแบบลักษณะคล้ายแว่นขยาย จะรวมแสงอาทิตย์ไปที่จุดเดียวเพื่อให้เกิดความร้อนสูงเพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ที่มีการใช้งานในปัจจุบัน จะมีหลักการทำงานทั้งวิธีการสะท้อนแสงมาใช้งานโดยตรง และการใช้โดยอ้อมคือการใช้ไอน้ำ หรือ
การใช้ลมร้อนเพื่อหมุนเจเนอเรเตอร์
โดยมีลักษณะการทำงานแต่ละประเภทดังนี้
ระบบรางพาราโบลิค (Parabolic Trough)
ตัวรับรังสีดวงอาทิตย์ทำงานโดยหลักการรวมรังสีด้วยการสะท้อนจากผิวโค้งรูปพาราโบลาที่เป็นรางยาว
ตัวรับรังสีประกอบด้วยตัวสะท้อนรังสีและท่อรับรังสี โดยช่องว่างระหว่างท่อเป็นสูญญากาศเพื่อลดการสูญเสียความร้อน
ภายในมีของเหลวในท่อโลหะเพื่อพาความร้อนไปถ่ายเทให้กับหม้อไอน้ำเพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์กังหันไอน้ำ สำหรับในช่วงที่ไม่มีแสงอาทิตย์ จะใช้พลังงานจากก๊าซช่วยในการกำเนิดไอน้ำ
ระบบจานพาราโบลิค (Parabolic Dish)
ระบบผลิตไฟฟ้าแบบนี้จะใช้หลักแปลงพลังงานจากรังสีดวงอาทิตย์ให้เป็นความร้อน
แล้วแปลงพลังงานความร้อนให้เป็นพลังงานกลเพื่อนำไปผลิตไฟฟ้า
ประกอบด้วยจานรวมแสงแบบพาราโบลิคและเครื่องยนต์สเตอร์ลิงกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยตัวรวมแสงอาจมีผิวสะท้อนเป็นผิวต่อเนื่องหรือประกอบด้วยแผ่นสะท้อนแสงหลายชิ้นประกอบกันเครื่องกำเนิดไฟฟ้าวางอยู่ที่จุดโฟกัสของจานพาราโบลิคและจานต้องมีระบบขับเคลื่อนแบบ 2 แกน ตามดวงอาทิตย์ตลอดทั้งวัน
แต่ละชุดสามารถทำงานโดยอิสระถ้าต้องการกำลังไฟฟ้ามากก็ติดตั้งจำนวนหลายชุดคล้ายกับระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโซลาร์เซลล์
ระบบหอคอยแบบ Solar
Thermal Tower
การผลิตไฟฟ้าโดยใช้วิธีรวมความร้อนที่ได้จากการสะท้อนของแผ่นสะท้อนแสงหลายแผ่นมารวมกันที่หอสูง จะประกอบด้วย
หอคอย และระบบกระจกสะท้อนแสงแผ่นราบ กระจกแต่ละแผ่นจะสะท้อนแสงไปรวมกันที่หอคอย ภายในหอจะมีท่อน้ำร้อนเมื่อร้อนจนเดือดและเป็นไอที่มีความดันเพื่อไปหมุนสตรีมเทอร์ไบน์และเจนเนอเรเตอร์
ทำการผลิตกระแสไฟฟ้าออกมาได้
แต่วิธีนี้ต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่มีปริมาณรังสีแสงอาทิตย์ที่มากพอ
ระบบหอคอยแบบ Solar
Chimney Tower
การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากการหมุนของเทอร์ไบน์ที่ติดตั้งอยู่ในปล่องท่อที่มีลมร้อนไหลผ่านตามหลักของเทอร์โมไดนามิกส์ของอากาศ
เมื่อมีพื้นที่รับแสงมากปริมาณอากาศที่ไหลเวียนจะมากขึ้น อากาศที่ร้อนก็จะไหลรวมกันเข้าไปในกล่อง ภายในจะมีการออกแบบให้กระแสลมเร่งความเร็วสูงขึ้นทำให้ได้พลังงานมากขึ้นไปหมุนใบพัดกังหันลมภายในท่อเพื่อทำการผลิตไฟฟ้าออกมาได้ วิธีการผลิตไฟฟ้าแบบนี้
เพื่อให้ได้พลังงานสูงจึงต้องสร้างเป็นโครงการขนาดใหญ่มีการลงทุนสูงและมีการใช้พื้นที่ในบริเวณที่ขนาดใหญ่มาก เหมาะกับประเทศที่มีแสงแดดมากบวกกับพื้นที่กว้างขวาง
ระบบความร้อนร่วม (Combine Cycle)
หลักการทำงานของการผลิตไฟฟ้า โดยใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ หรือใช้ระบบการผลิตไฟฟ้า
โดยใช้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่เน้นการสะท้อนแสงอาทิตย์ไปรวมยังจุดรวมศูนย์เพื่อให้ความร้อนแก่ตัวกลางที่ประกอบอยู่
โดยมีการเพิ่มเติมการใช้ความร้อนจากพลังงานอื่น ๆ
ในการให้ความร้อนกับตัวกลางควบคู่พร้อมไปในเวลาเดียวกันด้วยทั้งหมดนี้เราสามารถปรับเอามาใช้กับงานกล้องวงจรปิด ในกรณีของการไม่มีไฟฟ้าใช้งานได้เหมือนกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น